Home ข้อคิดสอนใจ 7 สิ่งที่ต้องคิด ก่อนที่จะลาออก

7 สิ่งที่ต้องคิด ก่อนที่จะลาออก

9 second read
0
0
93

1. ลาออกตอนไหนดี?

ถ้าถามว่าควรลาออกตอนไหนดี คำถามนี้มีเรื่องต้องพิจารณา 2 เรื่องด้วยกันคือ

– ที่ทำงานปัจจุบันจะจ่ายโบนัสให้เมื่อไร เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่าควรจะลาออกก่อนหรือหลังได้รับโบนัส ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่มักจะจ่ายโบนัสในช่วงเดือนธันวาคมพร้อมกับเงินเดือน

คนส่วนใหญ่จึงมักลาออกหลังจากได้รับโบนัสเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิตรงนี้ไป แต่หากที่ทำงานใหม่ต้องการให้เราไปเริ่มงานก่อนล่ะ

แบบนี้คงต้องพิจารณาก่อนว่า สิ่งที่เราจะได้รับกลับมาจากที่ทำงานใหม่ ทั้งเงินเดือน โบนัส และผลตอบแทนต่างๆ คุ้มค่ากับโบนัสจากที่ทำงานปัจจุบันที่ต้องเสียไปหรือไม่

– ที่ทำงานใหม่มีช่วงทดลองงาน (Probation) กี่เดือน และเราต้องเริ่มงานเดือนไหนถึงจะมีสิทธิได้รับโบนัสหรือได้ขึ้นเงินเดือนประจำปี ซึ่งแน่นอนว่าเกณฑ์การได้รับโบนัสหรือขึ้นเงินเดือนของพนักงานใหม่ของแต่ละบริษัทย่อมมีความแตกต่างกัน

คำถามนี้เราจะได้คำตอบจากการเช็กข้อมูลจากฝ่ายบุคคลของที่ทำงานใหม่ก่อน เพื่อนำข้อมูลมาตัดสินใจเลือกช่วงเวลาที่จะยื่นใบลาออกเพื่อไปเริ่มงานใหม่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมนั่นเอง

2. เงินเดือนขึ้นเท่าไร คุ้มไหม?

สำหรับคำถามนี้เราต้องรู้ก่อนว่าที่ทำงานใหม่ให้เงินเดือนเท่าไร เพิ่มขึ้นจากเดิมกี่เปอร์เซ็นต์ คุ้มไหมที่จะไป ซึ่งมีเรื่องต้องคิดดังนี้

– เงินเดือน โบนัส และผลตอบแทนต่างๆ ที่จะได้รับจากที่ทำงานใหม่เป็นอย่างไร น่าสนใจหรือไม่

– ที่ทำงานใหม่อยู่ใกล้หรือไกลกว่าเดิม อยู่ในเมืองหรือนอกเมือง การจราจรติดขัดไหม ต้องใช้เวลาเดินทางนานแค่ไหน หากที่ทำงานใหม่อยู่ไกลกว่าเดิม

ต้องใช้เวลาเดินทางมากขึ้น ค่าเดินทางไปกลับที่ทำงานใหม่ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน หรือค่าโดย ส า ร รถสาธารณะต่างๆ ก็อาจสูงขึ้นตามไปด้วย

– ค่าครองชีพสูงขึ้นหรือไม่ เช่น ค่า อ า ห า ร เช้า อ า ห า ร กลางวัน ค่าขนมและเครื่องดื่มต่างๆ อาจสูงขึ้นได้ หาก ที่ทำงานใหม่อยู่ในเมืองหรืออยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า

– วิถีชีวิตเปลี่ยนไปไหม เช่น ต้องตื่นเช้าขึ้น เผชิญกับรถติด ทำให้ถึงบ้านดึกกว่าเดิม หรืออาจต้องทำงานวันเ ส า ร ์-อาทิตย์บ้าง ทำให้เวลาในการได้อยู่กับครอบครัวหรือเวลาที่ได้พบปะเพื่อนฝูงอาจเปลี่ยนไป

ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้เราต้องนำมาพิจารณาให้รอบด้าน ทั้งในด้านของตัวเงินและด้านที่ไม่ใช่ตัวเงินว่าคุ้มค่าหรือไม่กับการลาออกไปทำงานที่ใหม่

3. สิทธิและสวัสดิการที่ใหม่เป็นอย่างไร?

นอกจากเงินเดือน โบนัส และผลตอบแทนต่างๆ แล้ว เรื่องสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ของที่ทำงานใหม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจด้วยเช่นกัน ซึ่งได้แก่

– สิทธิวันลา เช่น ลาพักร้อน ลากิจ ลา ป่ ว ย ลาคลอด ของที่ทำงานใหม่เป็นอย่างไร

– สวัสดิการต่างๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินกู้ เงินช่วยเหลือ ของที่ทำงานใหม่มีหรือไม่ หากมี สวัสดิการต่างๆ นั้นมีเงื่อนไขอย่างไร เช่น ค่ารักษาพยาบาลเบิกได้เท่าไร ครอบคลุมคนในครอบครัวด้วยไหม

– สิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ของที่ทำงานใหม่มีไหม หากมี มีเงื่อนไขการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ รวมถึงมีนโยบายการลงทุนเป็นอย่างไร

4. เนื้องานที่ใหม่เป็นอย่างไร?

เมื่อมองในมุมเงินเดือน โบนัส ผลตอบแทนต่างๆ รวมถึงสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ของที่ทำงานใหม่แล้ว ในส่วนของเนื้องานหรือลักษณะงานก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่

– ลักษณะงานใหม่มีความเหมือนหรือแตกต่างจากลักษณะงานปัจจุบันมากน้อยแค่ไหน หากมีความเหมือนกันก็ถือเป็นการต่อยอดความรู้ความเชี่ยวชาญที่เรามีอยู่ก่อนหน้า

แต่หากลักษณะงานมีความแตกต่างจากปัจจุบันมาก ต้องถามตัวเองว่าเราชอบงานนี้ไหม ทำได้ไหม และอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับลักษณะงานใหม่จนกว่าจะเข้าที่เข้าทาง

– ลักษณะการทำงานเป็นการนั่งทำงานในออฟฟิศหรือต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ เช่น ต้องไปหาลูกค้า ไปพบลูกค้าบ่อยครั้งแค่ไหน แล้วเราชอบหรือเหมาะกับการทำงานแบบไหนมากกว่ากัน

ทั้งนี้ ไม่ควรลาออกหรือย้ายงานตามเพื่อนหรือตามเจ้านายเดิม หากลักษณะงานที่ใหม่ไม่เหมาะกับเรา รวมถึงอย่าลาออกด้วยอารมณ์เพียง ชั่ ว วูบ อยากให้พิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ รวมถึงดูโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพหรือสายงานของที่ทำงานใหม่ด้วย

5. วัฒนธรรมองค์กรที่ใหม่เป็นอย่างไร?

เรื่องวัฒนธรรมองค์กรของที่ทำงานใหม่ก็เป็นอีกเรื่องที่เราควรหาข้อมูลไว้ล่วงหน้าว่าเป็นอย่างไร เหมาะกับเราหรือไม่ ก่อนไปเริ่มงานใหม่ ซึ่งได้แก่

– หัวหน้างาน ทีมงาน หรือเพื่อนร่วมงานใหม่เป็นอย่างไร คนส่วนใหญ่อยู่ในวัยไหน มีสไตล์การทำงานอย่างไร

– กฎระเบียบ การแต่งกาย เวลาเข้างาน ออกงาน การทาน อ า ห า ร หรือขนมระหว่างวัน มีความเคร่งครัดมากน้อยแค่ไหน

– ระบบงานที่ทำงานใหม่เป็นอย่างไร เหมาะกับตัวเราหรือไม่

6. เช็กภาระก่อนลาออก

ก่อนตัดสินใจลาออก ลองดูซิว่าเรามีภาระผูกพันกับที่ทำงานปัจจุบันหรือไม่ เช่น หากเราเคยขอเงินกู้สวัสดิการจากที่ทำงานปัจจุบัน อย่างการกู้เงินมาซื้อบ้าน ซื้อรถ และปัจจุบันยังชำระหนี้ไม่หมด ก็ควรวางแผนจัดการปิดหนี้ให้เรียบร้อยก่อนลาออก

สำหรับคนที่ต้องการขอสินเชื่อใหม่ เช่น วางแผนจะซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือสมัคร บั ต ร เ ค ร ดิ ต เร็วๆ นี้ ช่วงย้ายงานแรกๆ อาจยังไม่สามารถขอสินเชื่อได้เพราะยังไม่ผ่านการทดลองงาน หรืออายุงานยังไม่ถึงเกณฑ์การขอสินเชื่อ ดังนั้น ควรวางแผนการขอสินเชื่อให้ดีก่อนตัดสินใจลาออก

7. เก็บตกเอก ส า ร ที่ทำงานปัจจุบันและคืนเครื่องใช้อุปกรณ์ต่างๆ

สุดท้าย อย่าลืมจัดการเรื่องเอก ส า ร สำคัญให้เรียบร้อยและเก็บตกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ดังนี้

– เตรียมขอเอก ส า ร ที่จำเป็นจากที่ทำงานปัจจุบัน เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองการทำงาน หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นต้น เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการกลับมาดำเนินเรื่องขอเอก ส า ร ต่างๆ ภายหลัง

– เตรียมเคลียร์งาน ส่งต่องาน เก็บของมีค่า ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ และคืนอุปกรณ์สำนักงาน เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เครื่องเขียน รวมถึงคืนบัตรพนักงานให้กับฝ่ายบุคคลของบริษัท

การลาออกอาจไม่ใช่ทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงาน และก่อนตัดสินใจลาออกมีเรื่องต้องคิดมากมาย ดังนั้น ควรพิจารณาให้รอบคอบและถี่ถ้วน โดยการเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียต่างๆ

ที่จะเกิดขึ้น ทั้งในแง่ของตัวเงินหรือผลประโยชน์ที่จะได้รับ รวมถึงวิถีชีวิตหรือคุณภาพชีวิตที่อาจเปลี่ยนไปว่าคุ้มค่าหรือไม่ ก่อนตัดสินใจลาออกหรือเปลี่ยนงาน ทั้งนี้

เพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวเราเอง จะได้ไม่กลับมานั่งเสียใจในภายหลังเพราะว่าเราได้คิดมาอย่างดีแล้ว และเราเป็นผู้กำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเราเอง

ที่มา : k a s i k o r n b a n k

Load More Related Articles
Load More By adminjing
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

8 วิธีทำให้คนนับถือคุณ หลักๆ อยู่ที่การวางตัว

ไม่ใช่แค่กลุ่มคนทำงาน แต่พวกเราทุกคนต่างต้องอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุ…