Home ข้อคิดสอนใจ 7 ข้อคิด คิดแบบไหนให้เป็น “เถ้าแก่”

7 ข้อคิด คิดแบบไหนให้เป็น “เถ้าแก่”

5 second read
0
0
785

1. สร้างความน่าเชื่อถือให้สินค้า/บริการและผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

อย่าคิดว่าแค่ทำของออกมาขาย ต้นทุนถูกๆ หรือคิดทริคการตลาดโดนๆ เพื่อกระชากกำลังซื้อ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน แต่จงเลือกสร้างสรรค์คุณภาพของสินค้าหรือบริการที่ดี

พร้อมรักษามาตรฐานให้ต่อเนื่อง สิ่งสำคัญผู้ประกอบการต้องมีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และทุกๆ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

2. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

เป็นผู้แสวงหาวิธีการใหม่ที่ดีกว่าเดิม นำมาใช้กับการบริหารธุรกิจ หาแนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานอยู่ตลอด กล้าแตกต่างจากตลาดที่มี

กล้าใช้วิธีการขายที่ไม่เหมือนใคร กล้าประดิษฐ์ค้นคว้านวัตกรรมและสิ่งแปลกใหม่

3. รู้เขา รู้เรา

ผู้ประกอบการที่ดีนอกจากมีความสามารถในการทำงานแล้ว ยังต้องสามารถสร้างทัศนคติและแรงจูงใจต่อผู้ร่วมงานให้เข้าใจและเต็มใจปฏิบัติงาน รวมถึงต้องรู้จักโน้มน้าว

ใจผู้ให้เงินทุน เช่น ธนาคาร ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ให้คล้อยตามและยินดีสนับสนุนทางการเงินและการลงทุนอย่างมีเหตุผล

4. เปิดใจรับฟังและเอาประสบการณ์ในอดีตมาเป็นบทเรียน

นำสิ่งที่ผ่านมาทั้งดีและไม่ดีมาเป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีซ้ำอีก ขณะเดียวกันต้องหมั่นยกระดับและปรับปรุงการทำงาน เพื่อให้มุ่งไปสู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีกว่าเดิม

ไม่หยุดคิดหาโซลูชั่นใหม่ๆ แต่ก็ต้องไม่มุทะลุยึดมั่นกับแผนการที่ทำแล้วไม่เกิดผล

5. เป็นผู้นำที่ให้บทบาทของความเป็นเพื่อนและพี่น้อง

อย่านำเอาประสบการณ์ในยุคบุกเบิกที่คุณต้องลงมือทำงานอย่างหนักมาตัดสินให้ผู้ร่วมงานต้องทำได้แบบคุณ แต่จงเอาใจใส่ผู้ร่วมงาน วางแนวทางการทำงาน พร้อมให้คำแนะนำ

ผู้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง เพื่อสร้างความเต็มใจในการปฏิบัติงาน

6. มีความกระตือรือร้น และไม่หยุดนิ่ง

ผู้ประกอบการที่ดีต้องหมั่นใฝ่หาความรู้ โดยเฉพาะด้านการตลาด เศรษฐกิจ การเมือง กฎหมาย ทั้งในและต่างประเทศ เพราะข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เท่าทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

ซึ่งจะมีผลต่อภาพรวมของธุรกิจคุณอีกด้วย

7. สุดท้ายเมื่อมีสถานะการเงินที่ดีขึ้น ต้องรู้จักต่อยอด และเลือกลงทุนในสิ่งที่เป็น Passive Income ให้แก่ตนเองในอนาคต

ไม่มีอะไรมาการันตีว่าธุรกิจของคุณจะจีรังยั่งยืน การลงทุนเพื่อสร้างรายได้แก่อนาคต จึงเป็นเรื่องจำเป็นของผู้ประกอบการ SME รุ่นใหม่ที่ต้องศึกษาลักษณะการลงทุน

แต่ละรูปแบบอย่างเจาะลึกว่าสิ่งไหนเหมาะกับช่วงระยะความมั่งคั่งของตน ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการลงทุนที่เสี่ยงน้อยและได้รับความนิยมสูง คือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

เพราะสามารถอยู่อาศัยได้ ปล่อยเช่าได้ แถมมีมูลค่าเพิ่มตามเวลา ยิ่งถ้าเป็นโครงการที่มีชื่อเสียง มีประวัติการดำเนินธุรกิจมายาวนาน สามารถการันตีเรื่องของ Passive Income ได้เป็นอย่างดี

ทว่า การเลือกอสังหาที่ให้ผลตอบแทนดี ต้องพิจารณาจากทำเลที่เหมาะสม และสอดคล้องกับกำลังของผู้ลงทุน เช่น โซนถนนวิภาวดี-รังสิต ที่ปัจจุบันมีมูลค่าต่อตารางวาเฉลี่ย 220,000 บาท

และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับโครงการจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทางรางขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟธรรมดา รถไฟฟ้า และ

รถไฟความเร็วสูงสมบูรณ์ขณะเดียวกันควรพิจารณารูปแบบโครงการที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้ เช่น การพัฒนาโครงการในแบบ “มิกซ์ยูส” ทั้งเป็นที่อยู่อาศัย และสำนัก งาน ซึ่งปัจจุบัน

โซนดังกล่าวมีโครงการเด่นๆ อย่าง “ลุ ม พิ นี พ า ร์ ค วิ ภ า ว ดี จ ตุ จั ก ร” ของ LPN ตั้งบน ถ.วิภาวดี ซ.วิภาวดี 3 เนื้อที่ 8 ไร่เศษ เป็นคอนโดมิกซ์ยูส จำนวน 4 อาคาร ประกอบด้วย

อาคารสำนักงาน 2 อาคาร ภายใต้ชื่อ “ลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร” รวม 207 ยูนิต และอาคารชุดพักอาศัย 1 อาคาร รวม 736 ยูนิต พร้อมอาคารจอดรถ 1 อาคาร

นอกจากการเลือกทำเลที่ดี และรูปแบบโครงการที่เหมาะสมต่อการลงทุนแล้ว ผู้ประกอบการควรจะตระหนักถึงความสะดวกสบายในการตกแต่งห้องหรือแม้แต่ทำออฟฟิศ

ด้วยการเลือกซื้อออฟฟิศที่รับจัดการให้ทุกอย่างแบบเบ็ดเสร็จ พร้อมให้พนักงานเข้าทำงานได้ทันที เพราะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระให้คุณโฟกัสกับธุรกิจได้อย่างเต็มที่

โดยไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องจุกจิกต่างๆ แม้แต่น้อย

ขอขอบคุณ brandage

Load More Related Articles
Load More By jingjai
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

วิธีบริหารเงิน ให้มีกินมีใช้ “ไม่เป็นหนี้”

การออมที่ดี คือ การออมอย่างมีความสุข ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบากแต่การใช้เงินอย่างไร ให้…