
9 เทคนิคมัดใจลูกน้องที่เจ้านายควรรู้ไว้ … เจ้านายแบบนี้สิ ลูกน้องรัก ต า ย เลย !
ไม่มีใครอยากเปลี่ยนงานบ่อยโดยไม่มีเหตุจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นคนในแผนกใดของ
องค์กรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ใครก็อยากอยู่กันแบบครอบครัว มีอะไรก็ช่วยเหลือเกื้อกูล
กันเรื่อย ๆ แต่เพราะแต่ละคนมีที่มาไม่เหมือนกัน นิสัยใจคอไม่เหมือนกันนี่สิ
การปรับตัวเลยยากกันสักหน่อย บ่อยครั้งตำแหน่งสูง ๆ ก็ต้องใช้อำนาจลงมาจัดการบ้าง
เพื่อให้แต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี บางครั้งก็ไม่อยากจะทำเลยเพราะดูเหมือน
เป็นการฝืนใจกัน แต่เพื่อให้งานเดินต่อไป จะทำไงได้?ไม่ใช่เรื่องที่ผิด หากเจ้านายจะ
ใช้อำนาจเพื่อควบคุมลูกน้อง แต่ก็ต้องบาลานซ์ความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ด้วย
อย่าลืมว่าเราทำงานกับคน ไม่ใช่เครื่องจักรที่ป้อนคำสั่งแล้วเป็นอันจบ เราต้องมีการ ซื้ อ
ใจกันเพื่ออยู่ด้วยกันไปนาน ๆหัวหน้าที่ดีคืออะไร? เจ้านายที่ดีเป็นแบบไหน? ในแต่ละคน
คงมีอุดมคติที่ไม่เหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วใครก็อยากได้เจ้านายในแบบนี้
1. วันหยุด-วันลา ย า ว : บอกมาได้เลยว่าอยากได้ช่วงไหน จะให้ลาได้เต็มที่ แต่ต้อง
บอกกันล่วงหน้านะ เพื่อจะได้บริหารงาน บริหารคนได้ถูกระหว่างที่คุณไม่อยู่ เราเข้าใจดี
ว่าคุณก็ต้องการผ่อนคลายบ้าง ร่ า ง ก า ย คนเรามันก็ต้องมีล้ามีเหนื่อยสะสมจากการทำงาน
มาเป็นปีบ้าง
2. ตรงไปตรงมา ผลักดันลูกน้องที่มีศักยภาพ : คุณไม่ต้องเลียแข้งเลีย ประจบประแจง
เราเพื่อให้ได้มาซึ่งความก้าวหน้า เราดูออกว่ามันเฟค เอาใจแลกใจกันดีกว่า ตรงไปตรงมา
คุณอยากได้อะไรบอกเรา คุณคิดว่าเราบกพร่องตรงไหนบอกมา ถ้าคุณทำงานเก่ง ฉายแวว
ให้เราเห็น เราจะช่วยผลักดันคุณให้เก่งไปอีก อาจจะส่งไปเทรนด์งานต่างประเทศ หรือ
ฝึกสกิลอื่นเพิ่มก็ว่ากันไป
3. ให้เครดิตลูกน้อง : ถ้ามันเป็นฝีมือคุณจริง ๆ ไม่ได้ลอกใครมา เราพร้อมจะขอบใจคุณ
ถ้าคุณทำงานมาเป็นทีมก็บอกว่ามันเป็นผลงานของ “เรา” บอกกันตามตรง อย่าดิสเครดิตกัน
การทำงานมันก็ต้องมีคละกันทำเดี่ยวทำเป็นทีมกันบ้าง เราดูออก
4. เรียกมาคุย : ปัญหาไหนที่เราเห็นก่อน เราจะไม่รอให้คุณมาฟ้องก่อน เราจะเรียกมา
คุยเลยว่าคุณโอเคมั้ย? ไหวป่าว? มีปัญหาอะไรมั้ย? เคลียร์กันตรง ๆ แมน ๆ ไม่นอกประเด็น
5. ใครจะใช้เด็กเรา : กรุณามาคุยกับเราก่อน เราไม่อยากให้ลูกน้องเราเหนื่อยเพิ่ม
โดยไม่จำเป็น เพราะแต่ละคนย่อมมีหน้าที่เป็นของตัวเองอยู่แล้ว
6. เราพร้อมจะเถียงและออกหน้าแทนลูกน้อง : หากพิสูจน์ได้ว่ามันไม่แฟร์กับ
พวกเขาจริง ๆ พร้อมจะงัดหลักฐานมาสู้กันให้เป็นประจักษ์ทุกสายตา แต่ถ้าลูกน้อง
เราผิดจริง เราก็พร้อมจะตักเตือน ถามที่มาที่ไป ให้ขอโทษอีกฝ่ายซะ
7. เราพร้อมจะลุยงานกับลูกน้อง : การเป็นหัวหน้า ไม่ได้แปลว่าต้องรับผิดชอบ
เฉพาะงานระดับสูงแต่เพียงอย่างเดียว งานเล็กน้อย งานกรรมกรก็ต้องทำได้อย่าง
ไม่มีข้อแม้ ไม่จำเป็นต้องรอใครก่อนเมื่อมีโอกาสทำได้ คิดซะว่าช่วย ๆ กันไป หรือ
ใครมีปัญหาติดขัดที่ตรงไหน ก็เดินเข้ามาขอคำปรึกษาได้เลย อย่าลุยคนเดียวโดย
ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่มีทางได้พัฒนาฝีมือ
8. กระจายงาน : ให้ทุกคนได้ทำงานตามศักยภาพแบบพอดี ไม่ให้ใครทำงานหนักเกินไป
overloadมากไป ทุกงานต้องชัดเจน เท่าเทียม และต้องมีการกำหนดไว้ด้วยว่าจะให้ใคร
back up ใคร ในกรณีที่อีก ค น ป่ ว ย ลา มี เ ห ตุ ฉุ ก เ ฉิ น ที่ไม่สามารถทำงานได้
9. อย่างน้อยมีช่วงเวลาสานสัมพันธ์กัน เช่น ทำ อ า ห า ร มาเลี้ยงกัน, ชวนกันไป
แฮงค์เอาท์หลังเลิกงาน ทุกคนจะได้สนิทกันมากขึ้น รู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
อยากอยู่กับทีมไปนาน ๆ เวลาทำงานจะได้กล้าพูดกล้าคุยกันได้มากขึ้น
ใจเขา ใจเรา เราก็มีหัวใจ คนอื่นก็มีหัวใจ เราเหนื่อยเป็น คนอื่นก็เหนื่อยเป็น
มองเพื่อนร่วมงานให้เหมือนครอบครัวเดียวกันสิ !
นี่แหละคือการเอาใจใส่ที่ไม่ได้ยากอะไรเลย
ขอขอบคุณ jeeb