Home ข้อคิดสอนใจ 8 พฤติกรรมการใช้เงิน ที่คนทำงานควรแก้..ก่อนจะไม่มีเงินให้ใช้

8 พฤติกรรมการใช้เงิน ที่คนทำงานควรแก้..ก่อนจะไม่มีเงินให้ใช้

8 second read
0
0
675

1. ขาดความรู้ทางการเงิน

การเงินเป็นเรื่องที่เราต้องศึกษาและวางแผนอยู่ตลอดเวลา การไม่มีความรู้ทางการเงิน จะทำให้เราไม่สามารถควบคุมการใช้จ่าย ไม่สามารถวางแผนทางการเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้ ส่งผลให้การบริหารเงินไม่มีประสิทธิภาพ นำมาซึ่งการเป็นหนี้และอาจนำไปสู่การไม่มีเงินสำรองในยามเกษียณ

2. ไม่มีเงินเก็บ

ตั้งแต่เด็กเรามักถูกปลูกฝังอยู่เสมอว่าต้องรู้จักเก็บเงิน รู้จักออมเงิน ซึ่งบางครั้งเราอาจมองว่าไม่สำคัญ เมื่อโตขึ้นเราจะรู้ว่าการไม่มีเงินออมหมายความว่าเราจะไม่มีเงินทุนสำรองไว้ใช้จ่ายยาม ฉุ ก เ ฉิ น

อย่างกรณี เ จ็ บ ไข้ได้ ป่ ว ย หรือกรณีที่ต้องใช้เงินแบบเร่งด่วน ยิ่งไปกว่านั้น การไม่มีเงินเก็บเหลือในบัญชีเลยในแต่ละเดือน นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงทางการเงินในปัจจุบันของเราเองแล้ว สิ่งนี้ยังสามารถบ่งบอกได้ว่าชีวิตหลังเกษียณของเราจะเป็นเช่นไร

3. ไม่ประหยัด

“ต้องมี” และ “อยากมี” อาจดูเหมือนคำที่คล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองคำนี้แตกต่างกันอย่างมากเพราะ “ความจำเป็น” และ “ความต้องการ” นั้นไม่เหมือนกันสักนิดเลย

การใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยไปกับสิ่งที่เราต้องการอยากจะมีแต่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นนั้น ทำให้เงินของเราไหลออกจากกระเป๋าโดยไม่รู้ตัว คนที่บริหารเงินเป็นจะรู้ว่าต้องให้น้ำหนักกับสิ่งที่จำเป็นก่อน และถ้ามีเงินเหลือเพียงพอจึงค่อยใช้เงินเพื่อซื้อสิ่งของที่ต้องการเป็นครั้งคราว ซึ่งจะเป็นการฝึกนิสัยการออมเงินไปในตัวด้วย

4. ใช้ บั ต ร เ ค ร ดิ ต

“ บั ต ร เ ค ร ดิ ต ” นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งจริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับการยับยั้งชั่งใจของเราเองทั้งนั้น หากใช้ให้เป็นบริหารให้ดี บั ต ร เ ค ร ดิ ต ก็จะให้ประโยชน์กับเรามหาศาลทั้งแลกแต้มกับของรางวัลต่าง ๆ

แลกแต้มกับตั๋วเครื่องบิน หรือ Cash Back ที่จะคืนเป็นเงินให้เรา และที่สำคัญการใช้ บั ต ร เ ค ร ดิ ต จะทำให้เรารู้สึกสะดวกสบายในการซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งสิ่งนี้เองที่จะทำให้การใช้เงินแบบ

“รูดก่อนจ่ายทีหลัง” ตามมา โดยอาจทำให้เรามีพฤติกรรมการใช้เงินที่ส่งผลเสียต่อการบริหารเงินโดยรวม ยิ่งหากเราจ่ายค่า บั ต ร เ ค ร ดิ ต ไม่ตรงเวลา เราต้องเสียค่าดอกเบี้ยเป็นจำนวนมากไปจนถึงการสูญเสียความน่าเชื่อถือและประวัติทางการเงินในตอนที่เราต้องการ

5. ไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่าย

บัญชีรายรับรายจ่ายเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรานั้นถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน เพราะการจดบันทึกข้อมูลการใช้เงินจะทำให้เราสามารถประเมินสถานะทางการเงินของตัวเองได้

เราจะรู้ว่าแต่ละวันใช้เงินไปกับอะไรบ้าง สิ่งไหนที่จำเป็นและสิ่งไหนที่ควรประหยัด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ข้อมูลทางการเงินของเราในการวางแผนชีวิตเรื่องอื่น ๆ ที่จำเป็นอย่างการซื้อบ้าน

หรือรถ ได้อีกด้วย และการทำบัญชีรายรับรายจ่ายนั้นยังต้องใช้ความมีวินัยและความสม่ำเสมออย่างมาก เพราะในปัจจุบันคนทำงานหลายคนยังเลือกที่จะละเลยกับตัวเลขในบัญชี ขอให้มีเงินให้ได้ใช้ในแต่ละวันก็เพียงพอ นี่คือพฤติกรรมทางการเงินที่คนทำงานควรรีบแก้ไขในทันที

6. ไม่ศึกษาการลงทุน

ในขณะที่คนทำงานบางคนคิดว่าการเล่นหุ้นหรือการลงทุนเป็นเรื่องไกลตัวจึงไม่สนใจ แต่คนรุ่นใหม่หลายคนกลับชอบการเล่นหุ้น กล้าได้กล้าเสียเกินไปจนอาจไม่ได้ศึกษาความเสี่ยงมากพอ

แน่นอนว่าการลงทุนเพื่ออนาคตเป็นสิ่งที่ดีแต่บางคนเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่ใจร้อน และอยากได้ผลตอบแทนที่รวดเร็วทันใจ ทำให้พวกเขาเลือกลงทุนแต่กับบริษัทใหญ่ ๆ ที่ตนเองสนใจ

โดยไม่ได้วิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากเพียงพอซึ่งจริง ๆ แล้วการลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะการเล่นหุ้นเท่านั้น

การลงทุนที่ว่านี้หมายถึงการทำอะไรก็ตามเพื่อให้เงินที่เรามีเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากรายรับประจำอย่างเงินเดือน ซึ่งอาจหมายรวมถึงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล การทำประกันชีวิต การซื้อสลากออมสินพิเศษ หรือการลงทุนกับเพื่อนเพื่อทำธุรกิจขนาดย่อมก็ถือว่าเป็นการลงทุนแล้ว

7. ไม่ทำประกัน

ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกัน สุ ข ภ า พ หรือประกันรถยนต์ ประกันเหล่านี้ต่างเป็นการลงทุนกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน การไม่ทำประกันอาจจบลงด้วยการเสียเงินจำนวนมาก เทียบง่าย ๆ กับประกันสินค้าที่ช่วยให้เราประหยัดเงินค่าซ่อมสินค้าเหล่านั้น

เช่น หากเราซื้อสินค้าที่มีประกันเมื่อสินค้านั้นเสียหายระหว่างอยู่ในระยะประกัน เราจะไม่ต้องเสียค่าซ่อมสินค้านั้น ซึ่งแน่นอนว่าร้านค้าอาจคิดค่าประกันไปในตัวสินค้าอยู่แล้ว

แต่รับรองว่าไม่ได้มากไปกว่าการซ่อมหนึ่งครั้ง ยิ่งกับสินค้าที่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย ดังนั้นก็เป็นหน้าที่เราที่ต้องชั่งใจดูว่า จะยอมเสียเงินล่วงหน้าเพื่อประกันอนาคต หรือจะเสียเงินจำนวนมากในภายหลังเมื่อเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดตามมา

8. ไม่ประเมินศักยภาพของตัวเอง

เป็นธรรมดาที่คนทำงานหลายคนติดนิสัยใช้เงินตามเพื่อนในกลุ่ม เพราะเพื่อนคือกลุ่มคนที่มีนิสัยหรือความชอบที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็น ไลฟ์สไตล์ การแต่งตัว หรือการเลือกร้าน อ า ห า ร

ซึ่งถึงแม้ความชอบจะเหมือนกัน แต่สถานะทางการเงินของทุกคนนั้นไม่เท่ากัน หากเรามีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเหมือนเพื่อนที่มีฐานะทางการเงินดีกว่า เราอาจลงเอยด้วยการใช้จ่ายเงินเกินตัว ไม่มีเงินออม และอาจต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่มีมูลค่าเกินกว่ารายได้ของตัวเองจะรองรับได้

ที่มา : b l o g . j o b t h a i

Load More Related Articles
Load More By adminjing
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

8 วิธีทำให้คนนับถือคุณ หลักๆ อยู่ที่การวางตัว

ไม่ใช่แค่กลุ่มคนทำงาน แต่พวกเราทุกคนต่างต้องอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุ…