
การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่เราคิดว่า ‘ไม่เป็นไร’ สุดท้ายจะกลายเป็นนิสัย แ ย่ ๆ ที่ส่งผลต่อชีวิตของเราอย่างไม่น่าเชื่อ
ในช่วงเวลาก่อนสิ้นปีนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทบทวนตัวเอง ว่าเรามี ‘นิสัย แ ย่ ๆ ’
ติดตัวอยู่หรือเปล่า ถ้าข้อไหนที่คุณตอบว่า ‘ใช่’ ก็ขอให้ลด ละ
และเลิกทำจะดีที่สุด เพราะเจ้านิสัยเล็กๆ เหล่านี้เองที่เป็น อ า วุ ธ ทำ ล า ย สมาธิในการทำงานของคุณอย่าง ร้ า ย กาจ
ก่อนความล้มเหลวจะมาถึง เช็กให้ดีว่าคุณยังมีนิสัย แ ย่ ๆ ทั้ง 8 ข้อนี้อยู่ไหม?
1. กดดูมือถือตลอดเวลา
รู้หรือไม่ว่า 99% ของการพยายามเช็กนู่นนี่ในมือถือ เป็นเพราะคุณอยากหลีกเลี่ยงการคิดงานที่กำลังทำอยู่ เสมือนการปลอบตัวเองว่าเรามีเรื่องสำคัญอื่นๆ แทรกเข้ามาและต้องทำก่อน
แต่จริงๆ แล้วงานตรงหน้าต่างหากที่สำคัญที่สุด และถึงแม้ว่าสิ่งที่แจ้งเตือนมาในมือถือจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่คุณต้องจัดลำดับมันไว้รองลงไป เพราะการที่คุณเลือกหยิบงานปัจจุบันมาทำก่อน แสดงว่าสิ่งนี้สำคัญที่สุดแล้ว
2. ได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง
ผู้ฟังมีอยู่สองประเภท แบบแรกคือคนที่นั่งตรงข้ามคุณ เงียบ และคิดตามทุกคำที่คุณพูด ส่วนอีกประเภทคือคนที่นั่งตรงข้ามคุณ เงียบ และล่องลอยไปกับความคิดอื่นๆ ของตัวเอง
อย่าเป็นคนในแบบที่สอง เมื่อต้องฟังใครพูดก็ตาม พยายามเคลียร์เรื่องต่างๆ ในหัวทิ้งไป และโฟกัสกับบทสนทนาให้ดีที่สุด เพราะไม่มีอะไร ทำ ล า ย พลังในการทำงานได้ มากกว่าการเสียเวลาไปกับการสนทนาแต่ไม่มีคนฟัง
3. ทำหลายอย่างพร้อมกัน
เรามักคิดว่า Multitask คือการทำสองอย่างในเวลาเดียว แต่จริงๆ แล้ว มันหมายถึงการพยายามทำกิจกรรมสองอย่างที่ ‘ใกล้เคียงกัน’ ไปพร้อมๆ กัน เพื่อลดเวลาลง ดังนั้น การที่คุณประชุมไปด้วย
และตอบอีเมลไปด้วยนั้นไม่ใช่ Multitask แต่คุณกำลังทำเรื่องที่เป็น ‘หายนะ’ เพราะคุณกำลังหลุดจากโฟกัสในทุกงานที่ทำ แน่นอนว่าจะส่งผลให้งานไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร
ลองปรับตัวเองใหม่ เริ่มต้นจากการเลือกงานที่ใกล้เคียงกัน หรือทำต่อกันได้ แล้ววางแผนวิธีทำให้ดี จากนั้นใช้เวลากับมันอย่างเต็มที่โดยไม่หยิบงานอื่นขึ้นมาทำแทรกจนกว่าจะเสร็จ คุณจะได้ฝึก Multitask ที่แท้จริง
4. ทำงานไปดูซีรีส์ไป
ในบทความอ้างอิงนั้นพูดถึงการทำงานไปดูทีวีไป แต่ตอนนี้เราอาจไม่ค่อยดูทีวีกันแล้ว แต่หันมาดูซีรีส์หรือรายการต่างๆ ทางสมาร์ทโฟนแทน ซึ่งเคลื่อนย้ายตามเราไปได้ทุกที่
และแน่นอนว่าเป็นเครื่องมือชั้นดีในการ แ ย่ ง สมาธิของเราไปจากงาน! พยายามแบ่งเวลาให้เป็น ให้ตัวเองได้อยู่กับความเงียบ เพื่อพุ่งความคิดไปยังงานที่ทำ ไม่ใช่เหลือบตามองจอมือถือสลับกับจอคอมพิวเตอร์ ยิ่งงานเสร็จไว คุณยิ่งมีเวลามานอนดูซีรีส์แบบสบายๆ ได้เต็มๆ
5. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่กินพลังงาน
เรื่องนี้ต้องถามตัวเองดีๆ ว่าสมาธิเราแข็งแกร่งพอจะทำงานในสถานที่ที่มีคนมากมายรายล้อมหรือเปล่า บางคนอาจทำได้สบายมาก และชอบนั่งทำงานในร้านกาแฟเป็นประจำ แต่กับบางคน
แค่มีเพื่อนอยู่ด้วยก็ทำงานไม่ได้แล้ว ถ้าหากคุณเป็นคนประเภทหลัง อย่าพยายามฝืนตัวเองด้วยการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เงียบสงบ เพราะมันจะกินพลังงานของคุณอย่างมาก และสุดท้ายก็จะไม่ได้งานอยู่ดี
6. ร่วมงานกับคนขี้เกียจ
ข้อนี้อาจต้องแยกเป็นสองประเด็น — อย่างแรก การทำงานกับคนขี้เกียจที่หมายถึงคนขี้เกียจจริงๆ คนที่ไม่อยากคิด ไม่อยากทำ เวลาประชุมก็ชอบวอกแวก พาออกนอกประเด็นบ่อยๆ คนแบบนี้ยิ่งทำงานด้วยยิ่งทำให้เสียสมาธิ
อีกประเด็นคือคนที่ไม่พร้อมจะโฟกัสอยู่กับทีม เขาอาจมีงานส่วนตัวที่ยังไม่เสร็จ หรืออะไรก็ตาม ทำให้ไม่พร้อมเบรนสตรอม ซึ่งพาให้คนอื่นๆ หงุดหงิดและเสียสมาธิได้ ถ้าหากจำเป็นต้องทำงานร่วมกับคนงานยุ่ง อาจตั้งกติกาห้ามนำงานอื่นขึ้นมาทำจนกว่าจะจบประชุม
7. ไม่ยอมเตรียมตัว
ถ้าคุณยังชอบทำงานเอาดาบหน้า คุณอาจต้องเปลี่ยนตัวเองโดยด่วน หรือการทำงานวันต่อวันโดยไม่มีการเตรียมตัววางแผน ก็เป็นสิ่ง อั น ต ร า ย เช่นกัน บางคนอาจจะทำงานตาม ‘ฟีล’
คือถ้ารู้สึกอยากทำก็ค่อยหยิบงานมาทำ แบบนี้มีแต่เสียกับเสีย ลองวางแผนและทำตามเวลาที่กำหนด คุณจะพบว่าความ Productive ที่แท้จริงเกิดจากการบริหารเวลาที่ดี โดยไม่ต้องรอให้มีอารมณ์ทำงานอีกต่อไป
8. เปิดเสียงแจ้งเตือน
ข้อนี้เชื่อมโยงกับข้อแรกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องยอมรับว่าเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์นั้นดึงความสนใจของเรา (และคนในทีม) ได้ตลอดเวลา
ดังนั้น คุณควรปิดเสียงแจ้งเตือนซะ เพื่อไม่ให้รบกวนตัวเองและผู้อื่นและไม่ใช่แค่ตอนทำงานเท่านั้น ถ้าหากเป็นช่วงเวลาพักผ่อน คุณก็สามารถชาร์จตัวเองให้สดชื่นได้อย่างรวดเร็ว….แค่เพียงปิดการแจ้งเตือนเช่นกัน
ที่มา : m i s s i o n t o t h e m o o n