7 ข้อเรียกสติมนุษย์เงินเดือน ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดี

1. ในยุคที่เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ มีข่าวบริษัทปิดกิจการ หรือ ทยอย ป ล ด พ นั ก ง า น ออก อยู่ให้เป็นเป็นประจำ บางที่ก็แทนที่พนักงานด้วยเครื่องจักร

ดังนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่หากคุณกำลังทำงานแบบสุดชีวิต เพื่อให้บริษัทของคุณก้าวหน้า แต่ลองมองในมุมกลับกันหากวันหนึ่งคุณหมดประโยชน์แล้วบริษัทจะยังอยากจ้างคุณไว้อยู่ไหม

2. เมื่อคุณต้องเจอมรสุมในชีวิต บริษัท , ท่านประธานกรรมการ , ผู้บริหาร , เฒ่าแก่ หรือ แม้แต่หัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน (บางคน) ไม่สนใจที่จะช่วยเหลือคุณในปัญหาชีวิตส่วนตัวหรอก แต่คนที่ช่วยอยู่เสมอคือคนในครอบครัว จำไว้.. ” ปัญหาบริษัทคือปัญหาของเรา แต่… ปัญหาของเราไม่ใช่ปัญหาของบริษัท ”

3. จงอย่าทุ่มเทให้กับบริษัทมากเกิดนไป จนลืมให้เวลากับครอบครัว… การทำงาน และ รับผิดชอบหน้าที่ของการเป็นลูกจ้าง เป็นเรื่องที่ควรทำ

แต่การเอาใจใส่ครอบครัวของคุณ ก็สำคัญมากเช่นกัน อย่าลืมว่ามีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้นที่ทำหน้าที่ พ่อ แม่ สามี ภรรยา ที่ดีได้สำหรับครอบครัว แต่.. มีคนอื่นๆอีกหลายคนที่รอแทนที่คุณในตำแหน่งงานที่คุณทำ !!

4. งานที่ไม่มีวันหมด ความรับผิดชอบของเราต่อบริษัท เป็นอะไรที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมดถึงคุณจะพยายามทำมันให้หมดทั้งคืน พรุ่งนี้คุณก็จะต้องเจอกับงานอื่นๆอีก เรื่องจริงที่เกิดขึ้นให้เห็นเป็นประจำก็คือ… รางวัลสำหรับคนที่ทำงานเก่งคือ คุณจะได้รับงานใหม่ที่เยอะขึ้น และ หนักกว่าเดิม

5. คนที่ทำโอ ทำงานเลิกดึกๆทุกวันไม่ใช่คนขยัน เวลการทุ่มเทให้กับงานไม่ได้บ่งบอกถึงคุณภาพในตัวคุณ แต่การทำงานให้เสร็จแบบมีประสิทธิภาพที่สุด

โดยใช้เวลาน้อยที่สุด นั่นคือตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพ เพราะฉะนั้น บริหารเวลาให้ถูก เวลาทำงานคือต้องทำงาน เวลาพักผ่ อ นก็ต้องพักผ่ อ น เวลาให้ครอบครัวก็ต้องให้ครอบครัว อย่าเอามาปนกัน

6. ถ้าคุณมีงานเยอะมาก และต้องทำงานดึกๆเป็นประจำเพราะทำไม่ทัน อย่าคิดว่าเป็นเพราะคุณไร้ความสามารถ แต่เป็นเพราะหัวหน้าของคุณต่างหากที่ไร้ความสามารถในการบริหาร และ แจกจ่ายงาน

7. ชีวิตไม่ได้มีแค่งานเท่านั้น การเข้าสังคม พบปะผู้คน พักผ่ อ น ออกกำลังกาย ก็เป็นส่วนสำคัญในชีวิตเช่นกัน อย่าปล่อยให้ชีวิตของคุณต้องว่างเปล่า บริษัทไม่เคยคิดจะอยู่ข้างคุณ นอกเวลางานอยู่แล้ว

ที่ยกตัวอย่างมานี้ไม่ได้แนะนำให้คุณต้องไปลาออก ต้องอู้งาน หรือ ไม่ตั้งใจทำงาน แต่อยากเตือนว่า ” รักงานได้แต่อย่ารักบริษัท “ รักในงานทำทำอยู่ รับผิดชอบหน้าที่ให้ดี

เพียงแต่แต่อย่าคาดหวังว่าบริษัทจะดีกับคุณตลอดไป หากคุณทำงานเก่ง เป็นคนที่เข้าใจในเนื้องานที่ทำได้ดีแล้ว คุณจะไปเข้าทำงานที่บริษัทไหนก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ปัญหาระหว่าง นายจ้าง กับ ลูกจ้าง นับว่าเป็นปัญหาที่มีกันมาตั้งนาน เพราะ ด้วยทัศนะคติที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละฝ่าย นายจ้างคิดเพียงว่าจ่ายเงินให้มาพอที่พวกเขาพอใจจะไม่ลาออก ส่วนลูกจ้างต้องทำงานให้เพียงพอที่จะไม่โดนไล่ออก และ ให้ได้เงินพอใช้ในแต่ละเดือน…!!

ฝากไว้ให้คิดตาม…!!

1. วิธีการขึ้นเงินเดือนที่เร็วที่สุดคือ การย้ายที่ทำงานใหม่ ไม่ใช่ขึ้นตำแหน่งในบริษัทเดิม

จากสถิติ พบว่าคนที่เปลี่ยนที่ทำงานบ่อยจะมีเงินเดินสูงกว่าคนที่ทำงานอยู่กับที่

2. ควรเก็บออมเงินตั้งแต่ปีแรกของการทำงาน

เพราะปีแรกของการทำงานคุณจะสนุกกับการใช้เงินจนลืมเก็บตังค์

3. ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าวันนี้คุณทำงานหนักแล้วล้มป่ ว ยไป

อีก 1 เดือนข้างหน้าบริษัทก็จ้างคนใหม่มาทำงานแทนคุณแล้ว

4. อย่าทำงานจนละเลยสุ ข ภ า พของตัวเอง ไม่มีความสำเร็จใด ทดแทนสุ ข ภ า พที่เสียไปได้ อันนี้สำคัญสุด

5. คนที่พูดแต่เรื่องให้คุณเสียสละทุกอย่าง ถวายตัวกับงาน office คือบ้ าน ต้องกลับดึก ฯลฯ , พูดเรื่อง company

loyalty/spirit/team work ซ้ำไปซ้ำมา คือ คนที่หลอกใช้คุณเพื่อความเจริญของเขาเอง

6. คนที่เจริญได้เพราะนำเสนอ + ทำ Powerpoint + สรุปงานเก่ง

แต่ทำงานไม่ได้เรื่องอะไรเลยมีอยู่จริง คุณเหนือกว่าพวกเค้าได้ด้วยการทำงานให้เก่งด้วย + Present ตัวเอง

7. ตอนคุณไปคุยเรื่องขอลาออก ถ้าเค้าเสนอตำแหน่งให้ถ้าคุณอยู่ต่อนั่นเป็นเรื่องโ ก ห ก

คุณอยู่ต่อคุณก็ไม่ได้ขึ้นตำแหน่งหรอก ( ถ้าเป็นเรื่องจริงคุณได้ขึ้นตำแหน่งไปนานแล้ว จะมาเห็นค่าตอนลาออกทำไม )

8. เพื่อนร่วมงานมีทั้ง “เพื่อน” และ “คนรู้จัก” แยกแยะให้ออกว่าแบบไหนคือเพื่อน

แบบไหนคือคนรู้จักในที่ทำงาน อย่าไปคาดหวังว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนจะเป็นเพื่อนที่จริงใจกับคุณ

9. จงพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ นอกเหนือจากอะไรที่เกี่ยวกับงานที่คุณทำอยู่เสมอ

หลายๆอย่างที่คุณไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับงาน มันสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานได้

10. ภาษาอังกฤษสำคัญมาก ถ้าคุณทำงานประจำมันสามารถทำให้คนมีเงินเดือนเพิ่มขึ้นได้

แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ มันสามารถทำให้คุณรวยขึ้นได้

11. จงใช้วันลาพักร้อนให้เต็มที่ อย่าเกรงใจ เพราะ มันเป็นสิทธิ์ของคุณ

12. ความอดทน ความใจเย็น ความนอบน้อมถ่อมตน สำคัญมาก และ ที่สำคัญหัดยิ้มเข้าไว้

ที่มา : u n l o c k m e n b u s i n e s s