Home ข้อคิดสอนใจ 6 วิธีบริหาเงิน “เก็บเงิน ไม่ให้เป็นหนี้” หมดปัญหาเดือนชนเดือน

6 วิธีบริหาเงิน “เก็บเงิน ไม่ให้เป็นหนี้” หมดปัญหาเดือนชนเดือน

6 second read
0
0
6,085

ไม่ว่าคุณนั้นจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือเป็นฟรีแลนซ์ หลายคนคงเคยประสบปัญหาเงินไม่พอใช้ถึงปลายเดือน พอไม่พอใช้ก็ต้องหาทางกู้หนี้ยืมสินกันมา กลายเป็นหนี้แบบไม่รู้จบ

เพราะฉะนั้นวันนี้เรามีการบริหารหนี้ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้มาฝากกัน รับรองว่า ถ้าคุณทำอย่างสม่ำเสมอ คุณจะมีเงินเหลือใช้ถึงปลายเดือนและมีเงินเก็บมากขึ้นแน่นอน

1. รู้ยอดหนี้ทั้งหมด จะช่วยให้คุณบริหารจัดการหนี้ทั้งหมดได้ดี

หากคุณนั้นเป็นคนหนึ่งที่มีเงินไม่พอใช้ถึงปลายเดือน คุณคงต้องจัดการอะไรสักอย่าง อย่างเช่น การดูภาระหนี้ทั้งหมดของคุณ ตั้งแต่เงินต้น ดอกเบี้ย วันที่ต้องชำระเงิน

จำนวนการผ่อนขั้นต่ำของยอดหนี้ที่คุณมีอยู่ และอย่าลืมดูรายจ่ายประจำที่เราต้องใช้หักจากรายได้ที่ได้ และหักด้วยภาระหนี้อีกครั้ง ก็ทำให้เรารู้ว่าในแต่ละเดือนเราต้องจ่ายหนี้ทั้งหมดเท่าไร

2.จดบันทึกเรื่องของการใช้จ่าย

ให้คุณนั้นจดบันทึกค่าใช้จ่ายของคุณเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ตต่างๆ รวมไปถึงค่าผ่อนชำระ บั ต ร เ ค ร ดิ ต ต่างๆ ด้วย และอย่าลืมค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ

อย่างเช่น ค่าจอดรถ ค่าขนมต่างๆ หรืออาจใช้ตัวช่วยบันทึกรายรับ รายจ่ายช่วยออมเงินสุดเทพอย่าง 5 แอพฯ บันทึกรายจ่าย ใช้ง่าย ออมเงินได้มากขึ้น เพื่อให้คุณได้เรียนรู้ว่า คุณนั้นมีพฤติกรรมการใช้เงินเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้คุณนั้นลดค่าใช้จ่ายบางอย่างลงไป ช่วยเพิ่มเงินให้คุณได้

3. เริ่มลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้เงิน

ถึงแม้ว่าจะทำได้ยากในช่วงแรก แต่หากคุณนั้นลองปรับพฤติกรรมการใช้เงินดู รับรองเลยว่า คุณจะมีเงินเหลือใช้แน่นอน อย่างเช่น หากที่บ้านและที่ทำงานของคุณมี wifi อยู่แล้ว

คุณก็อาจจะลดแพ็คเกจเน็ตในมือถือให้น้อยลง เลือกที่จะทาน อ า ห า ร ที่ทำเอง หรือลดกาแฟราคาแพงลงบ้าง จะช่วยให้คุณมีเงินเหลือมากยิ่งขึ้น

4. เงินเหลือมากขึ้นก็ต้องเริ่มวางแผนการเงินให้ดีขึ้น

หากคุณมีหนี้ บั ต ร เ ค ร ดิ ต ที่ยังต้องชำระอยู่ แต่มีเงินพอเหลือในแต่ละเดือนแล้ว ให้นำเงินไปชำระเพิ่มใน บั ต ร เ ค ร ดิ ต ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง เพื่อให้หนี้หมดไวขึ้น

หรือหากคุณนั้นมีเงินพอจะใช้หนี้บัตรแบบขั้นต่ำอยู่แล้ว และก็พอมีเงินเหลือใช้แบบเดือนชนเดือน ก็ให้นำเงินส่วนที่พอเหลือนั้นออมไว้ เพื่อใช้ในยาม ฉุ ก เ ฉิ น จะได้ไม่ต้องไปกู้ยืมให้เป็นหนี้เพิ่มอีก

5. อย่าหยุดชำระหนี้เด็ดขาด เพื่อรักษาเครดิตของคุณ

อย่างน้อยถ้าเดือนไหนไม่ค่อยมีก็ให้ชำระแบบขั้นต่ำไปก่อน เดือนไหนมีมากก็ให้ชำระเพิ่มไป แต่ว่าอย่าหยุดชำระนี้เด็ดขาด เพราะอาจจะกลายเป็นหนี้เสีย ส่งผลให้เครดิตของคุณไม่ดี จะกู้สินเชื่ออะไรในอนาคตคงลำบาก

6. สองเหตุผลที่คุณไม่ควรรีไฟแนนซ์หนี้ รู้ไว้ซะ

การรีไฟแนนซ์หนี้ เป็นการรวมหนี้ไว้ก้อนเดียวและผ่อนชำระ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาในการผ่อนที่ยาวนาน ดูเหมือนว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้คุณได้ แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดเลย เพราะว่า

– ดอกเบี้ยของยอดเงินต้นจากหลายๆ ที่ จะกลายมาเป็นเงินต้นของการรีไฟแนนซ์หนี้ ถึงการรีไฟแนนซ์หนี้ของคุณจะมีดอกเบี้ยน้อยก็จริง แต่ระยะเวลาที่ต้องผ่อนนานๆ ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ลดลงตามไปด้วย เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าระยะยาวอาจจะผ่อนไม่ได้ก็ไม่ควรไปรีไฟแนนซ์หนี้

– ถ้าคุณคิดจะทำการรีไฟแนนซ์หนี้ เพราะต้องการนำมาปิด บั ต ร เ ค ร ดิ ต เมื่อคุณได้เงินมาแล้ว คุณจะต้องปิดให้หมด ถ้ายังหลงเหลืออยู่ สุดท้ายคุณก็ต้องกลับมาเป็นหนี้ บั ต ร เ ค ร ดิ ต อยู่ดี

และลองคิดดูคุณจะต้องจ่ายทั้งค่า บั ต ร เ ค ร ดิ ต และเงินที่กู้มาเพื่อรีไฟแนนซ์อีก เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การรีไฟแนนซ์ ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายของคุณ

ทั้งหมดนี้คือการบริหารจัดการหนี้ ที่คุณสามารถทำได้ เพียงแต่ว่าต้องมีวินัยในตนเองพอสมควร เพื่อให้คุณนั้นมีเงินเหลือมากพอที่จะชำระหนี้และเหลือไว้ใช้จ่ายและเก็บออม โดยเดือดร้อนน้อยที่สุด

ที่มา : u n d u b z a p p

Load More Related Articles
Load More By adminjing
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

8 วิธีทำให้คนนับถือคุณ หลักๆ อยู่ที่การวางตัว

ไม่ใช่แค่กลุ่มคนทำงาน แต่พวกเราทุกคนต่างต้องอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุ…