
อยู่ตั้งแต่ออฟฟิศเปิด จนออฟฟิศปิด
การมาถึงตั้งแต่ออฟฟิศเปิดแล้วอยู่ยาวจนออฟฟิศปิดไม่ใช่เรื่องผิดปกติ
เพราะบางคนก็ต้องการทำงานในสภาวะที่เงียบพอจะจดจ่อกับงาน
แต่ถ้าเราใช้เวลากว่า 12 ชั่ ว โมงการทำงาน ผลลัพธ์ที่ได้มักจะลดประสิทธิภาพลงไป
เพราะจริง ๆ แล้วการเพิ่ม ชั่ ว โมงทำงานให้มากขึ้นนั้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีนั่นเอง
โต๊ะทำงาน โต๊ะกินข้าว โต๊ะเดียวกัน
ถ้าถึงขั้นที่ไม่เหลือเวลาพักทานข้าวกลางวัน หรือต้องเอา อ า ห า ร
มากินที่โต๊ะทำงานแล้วล่ะก็เป็นสัญญาณเตือนว่าเรากำลังบ้างานมากเกินไปแล้ว
เพราะเวลานี้คือเวลาที่เราจะพัก ส ม อ ง ได้ดีที่สุด ถ้าไม่มีเวลาเหลือแม้แต่ครึ่ง ชั่ ว โมง
ในการกิน อ า ห า ร การเสนอให้บริษัทจ้างพนักงานเข้ามาเพิ่มอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
ไม่มีงานอดิเรกให้ผ่อนคลาย
เราทุกคนต่างก็มีเรื่องที่สนใจต่างกัน บางคนอาจจะสนใจดนตรี บางคนสนใจเรื่องกีฬา
หรือบางคนก็ชอบการท่องเที่ยวผจญภัย แต่สำหรับคนที่มีอาการบ้างานนั้น
ทุกอย่างในชีวิตจะเกี่ยวข้องกับเรื่องงานเสมอ ถ้าถามว่าชอบทำงานอดิเรกอะไร
สิ่งที่เขาตอบมาก็หนีไม่พ้นเรื่องที่เกี่ยวกับงานอีกเหมือนเดิม
กังวลที่ไม่ได้ทำงาน
คนทั่วไปมักจะใช้เวลาช่วงพักร้อนเพื่อผ่อนคลายความ เ ค รี ย ด จากงานประจำที่ทำ
เป็นการไปชาร์จพลังเพื่อให้พร้อมกลับมาลุยต่อกับงาน แต่ถ้าเป็นคนที่บ้างานแล้วล่ะก็
เขาจะรู้สึกว่าการลาพักร้อนไม่ได้จำเป็นอะไรกับชีวิต
แถมหลายครั้งก็ยกโน๊ตบุ๊ค พกเอางานไปทำตอนที่พักร้อนด้วยซ้ำ
แล้วจะแก้อย่างไร เพื่อไม่ให้บ้างานจนเกินไป
พักระหว่างวันบ้าง
ลองลุกออกจากโต๊ะทำงานในช่วง อ า ห า ร เที่ยง ออกไปหาร้านนั่งกิน อ า ห า ร กลางวันกับเพื่อน ๆ
ในแผนกดูบ้าง แล้วก็หาเวลาสั้น ๆ สัก 5 – 10 นาทีในช่วงบ่าย พัก ส ม อ ง
เดินผ่อนคลาย หรือจะไปหาขนม จิบกาแฟเพื่อให้ ส ม อ ง แล่น
ก็จะช่วยให้ความ เ ค รี ย ด และความกดดันลดลงได้แล้ว
ปรับมุมมองการทำงาน
อย่าคิดว่าคนที่ใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุด หรือใช้วันลาพักร้อนบ่อย
จะเป็นคนที่ไม่มุ่งมั่นกับการทำงาน เพราะการไม่ต้องทำงานหนักทุกวัน
แล้วมีเวลาได้พัก ส ม อ ง บ้างก็น่าจะช่วยให้เรากลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทำสมาธิ
วิธีง่าย ๆ ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี การทำสมาธิจะช่วยให้เราผ่อนคลาย
พยายามฝึกหายใจให้ช้าลงเพื่อที่ ส ม อ ง และหัวใจของเราจะได้พักไปพร้อมกัน
เพราะปกติแล้วคนที่บ้างานจะมีความคิดอยู่ในหัวตลอดเวลา
ถ้าเราสลัดมันทิ้งไปได้ในช่วงทำสมาธิก็จะช่วยให้จิตใจของเราสงบขึ้น
ไม่เอางานกลับมาทำที่บ้าน
วิธีนี้จะช่วยให้เรามีเวลาอยู่กับเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น วิธีการง่าย ๆ
ก็คือไม่เอางานกลับมาทำที่บ้าน ปิดโทรศัพท์ ไม่แชทเรื่องงาน งดเช็กอีเมล
แค่นี้ก็จะช่วยให้เรารักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานได้แล้ว
ถ้าตอนนี้เรากำลัง เ ค รี ย ด และกดดันกับอาการบ้างานที่เริ่มกระทบชีวิตด้านอื่น ๆ
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับครอบครัว สุ ข ภ า พ กาย และ สุ ข ภ า พ จิต
ลองปรับพฤติกรรมในชีวิตทีละเล็กทีละน้อย อาจเริ่มจากวิธีที่ง่ายอย่างการพักระหว่างวัน
หรือทำสมาธิก่อน แค่นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยให้เรากลับมา
มีชีวิตที่สมดุลและมีความสุขกับการทำงานเพิ่มขึ้น
ที่มา : b l o g . j o b t h a i