
เคยมั้ย รู้สึกเบื่อไม่อย ากตื่นไปทำงาน เบื่อกับคน หน่ายกับงาน
จนอย ากลาออกวันละหลายหน เมื่อสังคมการทำงานมัน แ ย่ จนทำให้เรารู้สึกท้อแบบนี้
จะรับมือยังไงดีนะ หนึ่งในสาเหตุหลักการลาออกจากงานของมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา
คือการต้อง ‘ทนอยู่’ กับสภาพแวดล้อมที่นอกจากจะไม่เอื้อต่อการทำงานแล้ว
ยัง บั่ น ท อ น จิตใจ ทำให้ไม่มีความสุขกับการทำงานไปอีก
ที่ทำงานของคุณเป็นแบบนั้นอยู่หรือเปล่า? ทำยังไงดีเมื่อที่ทำงานมัน แ ย่ ?
อย่าเพิ่งตกใจไปถ้าพบว่าตัวเองกำลังเผชิญสถานการณ์นี้อยู่
เพราะอย่างน้อยเราก็ไม่ได้เป็นมนุษย์คนเดียวในโลก
ที่ต้องรับชะตากรรม ลองรับมือด้วยวิธีการดังต่อไปนี้กันดีกว่า
1.เปลี่ยน Mindset ซะใหม่
ไม่มีอะไรสามารถทำ ร้ า ย เราได้เท่ากับความคิดของเราเอง
ในเมื่อเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใครต่อใคร
ก็จงเปลี่ยนความคิดและมุมมองที่ตัวเราใหม่
เลือกโฟกัสแต่ความสุขส่วนความทุกข์ให้ปล่อยเบลอ
ในทุกๆ สถานการณ์ที่ย่ำ แ ย่ มักจะมีเรื่องราวดีๆ ซ่อนอยู่เสมอ
เพียงแค่เราต้องหาให้เจอเท่านั้นเอง วันนี้เจ้านายอาจจะตีงานกลับมาให้แก้ใหม่
เพราะเขาอาจเห็นว่าเรามีศักยภาพในการสร้างผลงานได้ดียิ่งกว่านั้น
บ่นไปก็ไม่ช่วยให้งานเสร็จไวขึ้น จริงไหม? สร้างเกราะป้องกัน
ความคิดลบที่คอยแต่จะทำให้สถานการณ์มันย่ำ แ ย่ ไปกว่าเดิมเสียดีกว่า
2.อย่าเข้าไปร่วมวงสนทนาใต้เตียงดารา
จำให้ขึ้นใจว่า ไม่มีใครในโลกไม่ถูกนินทา วันนี้เราอาจอยู่ในวงสทนาแต่วันหน้า
เราอาจจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาก็ได้ ใครจะรู้ ดังนั้นหลีกหนี
ให้พ้นจากคนที่มีความคิดลบ คนที่คอยนินทาว่า ร้ า ย คนอื่น
เพราะคนพวกนี้มักจะมี Self-esteem ต่ำ ไม่เคารพตัวเองมากพอจนต้องทำให้คนอื่นดู แ ย่
เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าเหนือกว่า ถ้าอยู่ดีๆ ดันตกไปอยู่กลางวงขาเม้าท์ประจำออฟฟิศ
ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ การเงียบ ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ
นอกจากนี้ถ้าเราถูกเม้าซะเอง ก็อย่าเอาคำพูด แ ย่ ๆ จากคน แ ย่ ๆ
เก็บมาใส่ใจ เรารู้ตัวเราเองว่าเป็นคนยังไงพอ จบ แยก!
3.โฟกัสแค่ตัวเองก็พอ
ไม่ปล่อยให้สังคมการทำงานมาทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเอง
รู้หรือไม่ว่าหลายคนยอมลดศักยภาพของตัวเองลง เพื่อจะได้ไม่กลายเป็นจุดเด่น
ยอมเป็นแกะที่ถูกย้อมสีทับให้เหมือนตัวอื่นๆ เพื่อจะได้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มเล็ก
ซึ่งไม่เป็นผลดีในระยะย าว เพราะโลกของการทำงาน คนเก่งที่สุดในทีม
มักจะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งก่อนใครเขา ยิ่งไปกว่านั้นสังคม
ทำงาน แ ย่ ๆ อาจทำให้เรารู้สึกไม่อย ากทำอะไรเลยในชีวิต
นอกจากนอนโ ง่ๆ อยู่ บ น เ ตี ย ง ในวันหยุดเท่านั้น ดึงตัวตัวเองกลับมาได้แล้ว
หากิจกรรมนอกเวลางานที่ทำแล้วมีความสุข มี Passion
ในการใช้ชีวิตในแบบของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น
4.พาตัวเองไปรับพลังบวกเยอะๆ
แม้สังคมการทำงานจะเป็นสังคมเล็กๆ แต่เราก็ควร ‘เลือก’ h a n g o u t
เฉพาะกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ในทาง จิ ต วิ ท ย า
หากเราใช้ชีวิตร่วมกับคนแบบไหนนานๆ เราจะกลายเป็นคนแบบนั้น
เพื่อนที่ชอบบ่น ตินู่น ตินี่ มักจะแผ่กระจาย
ความรู้สึกด้านลบให้คนรอบข้างมีความรู้สึกร่วมไปกับเขา
จงรู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเอง ทันทีที่คิดลบ ให้รีบพาตัวเองไปขั้วบวกทันที!
อาจจะติด post it ข้อความให้กำลังใจที่โต๊ะทำงานเพื่อเตือนสติ
หรือพักเบรคระหว่างงานบ้างสัก 10 นาที ฟังเพลง
สูดอากาศ รีเซ็ตอารมณ์ตัวเองก่อนกลับไปทำงานที่เหลือ
5.หาวิธีแก้ปัญหาแบบยั่งยืน
ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม! ถอยออกมาจากความสิ้นหวัง
เพื่อมองภาพในมุมกว้าง มองว่าปัญหาอยู่ตรงไหน มีวิธีอะไรที่สามารถ
ช่วยบรรเทาให้ดีขึ้นได้บ้าง เรียกได้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแก้ไขปัญหา
แทนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาซะเอง อย่างไรก็ตาม ถ้ามันเป็นสิ่งที่แก้ไขอะไรไม่ได้
ก็จงยอมรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างปกติสุขที่สุด แต่ถ้าหากวันนึง
เราพบว่าความสุขที่เคยได้รับจากที่ทำงานไม่หลงเหลืออีกต่อไปแล้ว
จนกระทบกับชีวิตส่วนตัว ครอบครัวและคนรอบข้างจากการแบกรับ ค ว า ม เ ค รี ย ด
ที่มากเกินไป ท้ายที่สุดการลาออกอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้จงรู้เท่าทัน
ความรู้สึกของตัวเอง ทันทีที่คิดลบ ให้รีบพาตัวเองไปขั้วบวกทันที!
ในโลกความเป็นจริง ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราไปหมดทุกอย่าง
ปัญหามีอยู่ทุกที่แต่อยู่ที่เราจะเรียนรู้และปรับตัวยังไงให้อยู่กับมันได้ต่างหาก
ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการใช้ชีวิตในสังคมการทำงานให้มีความสุข
ที่มา : parkerbridge