
หลังจากที่เราเรียนจบ และทำงานแล้ว เคยสงสัยไหมครับว่าทำไม เงินเดือนไม่พอใช้
และไม่เหลือเก็บเลย ทั้งๆที่ก็ได้เงินมากกว่าสมัยที่แบมือขอพ่อแม่ตอนสมัยเรียนซะอีก
อาจจะเพราะต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น ทำงานไกลบ้ าน เป็นต้น
แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เรามีเงินไม่พอใช้นะครับ มันมีปัจจัยมากกว่านั้น
เพราะถ้าแค่ปัจจัยข้างต้น ถ้าเรารู้จักใช้เงินผมคิดว่าพอ สาเหตุที่ เงินเดือนไม่พอใช้
ลองตรวจสอบดูว่าวันๆตัวเราเองใช้จ่าย อะไรไปบ้ าง
แล้วลองแจกแจงค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือนออกมา
คุณก็จะเห็นถึงปัญหาแล้วว่าเพราะอะไร แล้วเราค่อยๆมาแก้ปัญหาเหล่านั้นให้ตรงจุด
1. ใช้บั ต ร เ ค ร ดิ ตและชอบยืมเงินคนอื่น
เวลา อ ย า ก ได้อะไร หรือใช้จ่ายอะไร พย าย ามใช้เงินสดนะครับ
หรือบางคนเถียงว่าไม่ใช้ไม่ได้เพราะต้องทำธุรก ร ร มทางการเงินบนอินเตอร์เน็ต
เดี๋ยวนี้โลกมันไปไกลแล้วครับมีบัตรเดบิตที่จ่ายบนอินเตอร์เน็ต ได้แล้ว
แต่ใครที่ยืนยันว่าจะใช้บั ต ร เ ค ร ดิ ตก็ได้ครับ แต่ขอให้รูดแล้วจ่ายให้หมดในครั้งเดียว
อย่าดอง อย่าผ่ อ น ศูนย์เปอร์เซ็น ก็ไม่ต้องใช้ พย าย ามเก็บเงินใช้เงินสดครับ
เตือนด้วยความหวังดี เพราะผมเองก็ผ่านจุดนั้นมาแล้ว
เป็นหนี้บัตรแบบไม่รู้ตัวเพราะ ผ่ อ นโน่น ผ่ อ นนี่ รูดไปก่อนแล้วจ่ายขั้นต่ำ
รู้ตัวอีกทีเงินเดือนไม่พอใช้ พย าย ามอย่าใช้บัตรและหยิบยืมคนอื่น ควรใช้เท่าที่มีนะครับ
2. พฤติกรรมการใช้เงิน
เมื่อเรารู้แล้วว่าค่าใช้จ่ายของเราหมดไปกับอะไร เราก็ค่อยแก้ปัญหาโดยการปรับลดบางอย่างที่ไม่จำเป็นออกไป
เช่น ในทุกวันตอนเช้า และเที่ยงเราต้องกินกาแฟสด ราคาแก้วละ 25-45 บาททุกวัน
เราอาจจะลดให้เหลือสักวันละแก้ว หรือถ้าจะให้ดี ถ้าที่ทำงานมีน้ำร้อน ซื้ อ กาแฟ 3 in 1 มาชงเถอะครับ
คราวนี้เราลองมาคำนวนเล่นๆกัน กินปกติ กาแฟ 2 แก้วต่อวัน เฉลี่ยวันละ 70บาท
ทั้งหมด 24 วันทำงานรวมเป็นเงิน 1,680 บาท ลดลง 1 แก้ว
ลดลงมาเหลือวันละ 1 แก้วต่อวัน 45 บาท 24วันทำงาน ก็จะเป็นเงิน 1,080 บาท
ประหยัดไปได้ 600 บาท ลดความสุนทรีไปกิน 3 in 1 เปลี่ยนไปกิน 3 in 1 จะตกอยู่ที่ 240 บาท 60 ซอง
จาก 1,680 เราเสียแค่ 240 บาท ประหยัดไป 1,440 บาท อันนี้ก็ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะครับ
3. ไม่รู้จักควบคุมความ อ ย า ก
ความ อ ย า ก ของมนุษย์เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีเงินไม่พอใช้ ผมคอนเฟิร์มครับ
เพราะเมื่อคุณ อ ย า ก ได้ คุณก็จะ ซื้ อ การที่คุณ ซื้ อ โดยใช้เงินสำหรับกินประจำวันที่มีอยู่
หรือเงินที่หยิบยืมมา ซึ่งไม่ใช่เงินเก็บ หรือเงินออมคุณก็จะไม่มีเงินพอใช้แน่นอน
ใช้เงินกินที่มีอยู่มา ซื้ อ ของที่ อ ย า ก ได้ ถ้าคุณใช้เงินกินที่มีอยู่
มา ซื้ อ ของที่ อ ย า ก ได้ แน่นอนเดือนนั้นคุณอาจจะไม่พอใช้
ทำให้อาจจะต้องหยิบยืมคนนั้น คนนี้ เพื่อเอามากิน แล้วพอถึงเดือนถัดไปก็ต้องใช้คืนเค้า
ทำให้ในเดือนถัดไปนั้นเงินไม่พอใช้อีก และเมื่อมีของ อ ย า ก ได้อีก ก็ ซื้ อ อีก แล้วก็ยืมอีก
แล้วก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น ใช้เงินที่หยิบยืมมา ซื้ อ ที่ของ อ ย า ก ได้ เงินที่หยิบยืมมาในที่นี้
หมายถึงเงินที่ยืมเพื่อน หรือบั ต ร เ ค ร ดิ ต เพื่อนำมา ซื้ อ ของที่ อ ย า ก ได้
มันก็จะทำให้ในเดือนถัดไปนั้นเงินไม่พอใช้อีก และมีของ อ ย า ก ได้อีกก็ ซื้ อ อีก
แล้วก็ยืมอีกแล้วก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เช่นกันแต่สำหรับบัตร เครดิตอาจจะหนักกว่ายืมเพื่อนแน่นอน
เพราะจะมีการลักไก่ บวกกับ ด อ ก เ บี้ ย ที่มี เมื่อจ่ายบัตร เสร็จ เอาบัตร รูดค่าโทรศัพท์ รูด ซื้ อ ของกิน
เพราะไม่พอใช้ รูดไปจนเดือนถัดไปไม่พอจ่าย
จนในที่สุดก็ต้องกดเงินสดจากบั ต ร เ ค ร ดิ ตมาใช้คืน ทำให้หนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายนี้ อ ย า ก จะฝากคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือเป็นวัยตั้งต้นชิวิต
ถ้าคุณ อ ย า ก มีอนาคตที่ดีพย าย ามควบคุมการใช้จ่าย
อย่าใช้เงินเกินตัว มีแค่ไหนใช้แค่นั้น ถ้า อ ย า ก ได้อะไรจริงๆ
ให้คิดให้รอบคอบก่อนว่าถ้าได้มาแล้วมันมีประโยชน์อย่างไร
คุ้มหรือไม่ที่จะ ซื้ อ ที่สำคัญดูกำลังทรัพย์ของเราในขณะนั้นด้วยว่า
พอได้มาแล้วเราจะมีพอกิน พอใช้ และพอเก็บ ไม่อย่างนั้น
คุณก็อาจจะเป็นคนที่ล้มเหลวด้านการเงินตลอดชีวิตแน่นอนครับ
ที่มา : a p h i n o p