Home ข้อคิดสอนใจ 3 ข้อที่คนอยากมีธุรกิจต้องรู้ “จะได้ไม่เจ๊ง”

3 ข้อที่คนอยากมีธุรกิจต้องรู้ “จะได้ไม่เจ๊ง”

7 second read
0
0
459

ช่วงหลังนี้เราจะเห็นว่านักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงเกิดขึ้นมามากมาย ทั้งเปิดร้านกาแฟ ขายของออนไลน์ หลายคนประสบความสำเร็จมากจนทำให้สินค้าขายดีเทน้ำเทท่า

แต่ก็ไม่วายที่อยู่ๆ ธุรกิจที่สร้างขึ้นจะเจ๊งไปต่อหน้าต่อตาได้ มาดูกันเถอะว่าสิ่งที่เราต้องรู้ในการทำธุรกิจนั้นมีอะไร บ้ า ง ก่อนที่เราจะขายดีจนเจ๊ง

1. ไม่แยกเงินส่วนตัวและเงินธุรกิจ

นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่หลายๆคนพลาด นักธุรกิจมือใหม่นั้นเมื่อตั้งบริษัทขึ้นมาอาจจะมีความเข้าใจผิดหรือแยกไม่ออกในเรื่องเงินบริษัทและเงินส่วนตัว

เมื่อขายของได้ก็นำเงินไปจับจ่ายใช้สอยเพราะคิดว่าได้เงินได้กำไรมาแล้วเอาไปสร้างความสุขให้กับตัวเองได้ทั้งหมด แต่กลายเป็นว่านำเงินบริษัทไป ซื้ อ ของ เที่ยวต่างประเทศ จ่ายค่าเทอมลูก

และพอถึงจุดๆ หนึ่งก็จะพบว่าเงินทุนในกิจการนั้นหายไป และ อาจจะโชค ร้ า ย กว่านั้นเมื่อถูกสรรพากรตรวจสอบรายรับรายจ่ายที่เกิดขึ้นของบริษัท เมื่อไม่สามารถแจ้งที่มาที่ไปของเงินบริษัทที่หายไปได้

การทำธุรกิจควรจะแยกกระเป๋าเงินของกิจการออกจากเงินส่วนตัวของเรา ธุรกิจมีรายรับรายจ่ายอะไรก็ควรบันทึกเอาไว้ว่าปัจจุบันมีเงินเหลือเท่าไหร่ และควรนำเงินไปทำอะไรเพื่อให้บรรลุความสำเร็จของธุรกิจ

ในส่วนของเงินส่วนตัวนั้นเราจะได้มาในฐานะลูกจ้างของกิจการ เช่น ค่าจ้างหรือเงิน ควรแยกทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อวางแผนสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง ให้ใช้จ่ายตามที่มี เหลือก็เก็บออมและนำไป ล ง ทุ น ต่อเพื่อให้บรรลุความสำเร็จทางการเงินส่วนตัวได้

ต่อให้ขายดีแค่ไหนถ้าแยกเงินส่วนตัวออกจากเงินของกิจการไม่ออกก็ทำให้เจ๊งได้เช่นกันครับ เพราะฉะนั้นแล้วการสร้างระบบเพื่อตรวจสอบเงินทองทั้ง 2 กระเป๋าจึงเป็นเรื่องสำคัญที่นักธุรกิจไม่ควรพลาด

2. ขายดีแต่ไม่เคยมีกำไร

หลายคนทำธุรกิจแล้วอาจจะเกิดข้อสงสัยว่าทำไมยิ่งขายก็ยิ่งจน แม้ว่าเราจะขายสินค้าแพงกว่าราคาที่ ซื้ อ มา แต่ไม่มีกำไรเลย เรื่องนี้นักธุรกิจมือใหม่อาจจะพบปัญหานี้เยอะ เท่าที่สังเกตมาเป็นเพราะว่า เรามักจะคิดแค่ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้าจนลืมต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารกิจการ

ตัวอย่างเช่น นักธุรกิจบางคนอาจจะคำนวณว่า หากเขาขายของที่ลูกค้าสั่งทำทั้งหมด จะได้กำไร 2,000 บาท แต่เขาอาจจะลืมไปว่ามันยังมีต้นทุนส่วนอื่นๆ อีกเช่น ค่าน้ำมันรถ ค่าทางด่วน ค่าแรงตัวเอง

และ ค่าใช้จ่ายระหว่างเดินทางนั้นก็เป็นต้นทุนเช่นกัน ไปๆ มาๆ ต้นทุนอื่นๆ คำนวณออกมาที่ 3,000 ไป แบบนี้ต่อให้ขายดีแค่ไหนก็ไม่มีกำไรแน่ๆ

เพราะฉะนั้นแล้วเราควรสนใจรายละเอียดของต้นทุนทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วนและนำมาพิจารณาว่าเราควรจะขายสินค้าอย่างไรให้ได้กำไร

3. รวยดีแต่ไม่มีเงินหมุนเวียน

นักธุรกิจบางคนอาจจะขายของเก่งมาก มีลูกค้าสั่งหรือใช้บริการทุกวัน แต่พอสำรวจเงินสดในกิจการแล้วกลับไม่พบเงินในกระเป๋าอย่างที่คิด อาจจะเป็นเพราะว่ามีการทำธุรกิจโดยให้มีเครดิตเทอมที่ยาวนาน

และลืมไปว่าตัวเขาเองก็มีหน้าที่จะต้องนำเงินไปชำระรายจ่ายเรื่องต่างๆ เช่น ผู้ผลิตที่เราสั่งสินค้ามาขาย ค่าแรงคนงาน เงินเดือนลูกน้อง ค่าเช่าสถานที่ ฯลฯ

หากเราขายของแล้วเก็บเงินไม่ได้ซักที แถมยังมีรายจ่ายจ่อคอหอยอยู่เรื่อยๆ นั่นก็เท่ากับว่าเราไม่สามารถหมุนเงินให้เกิดประโยชน์ได้ และเมื่อใดก็ตามเงินสดที่มีอยู่ในมือนั้นหมดไป

กลายเป็นว่าอาจต้องพึ่งพาเงินกู้จากที่ต่างๆ จนทำให้ยิ่งทำธุรกิจเรายิ่งจนลง เพราะดอกเบี้ยจากการยืมเงินมาหมุนในกิจการ แถมเป็นการสร้างผลกำไรให้กับเจ้าหนี้แทนอีกต่างหาก

การบริหารกระแสเงินสดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เงินสดควรเก็บจากลูกค้าให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้สูงที่ในระหว่างการนำไปชำระเงินให้กับเจ้าหนี้และจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ

ที่มา : b i t c o r e t e c h

Load More Related Articles
Load More By adminjing
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

8 วิธีทำให้คนนับถือคุณ หลักๆ อยู่ที่การวางตัว

ไม่ใช่แค่กลุ่มคนทำงาน แต่พวกเราทุกคนต่างต้องอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุ…