
เรื่องเล่าจากอดีตเศรษฐีท่านหนึ่ง…
สมัยก่อนผมเป็นเข้าของที่ดิน หลายร้อยไร่ ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด
เรียกได้ว่า ขายที่กินทั้งชีวิต ไม่ต้องทำงานอะไรก็ยังได้
เวลาไปเที่ยวที่ไหน ผมพกเงินติดตัวทีเป็นแสนๆ
ใช้จ่ายวันละแสนก็ไม่กระทบ จะหยิบจับธุรกิจอะไรก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
กิจการเจริญรุ่งเรือง ส่วนภรรยาผมเล่นหุ้น ได้ทีเป็นล้านๆ ผมมีลูก 3 คน
ส่งเรียนเมืองนอกหมด ไม่ต้องทำงาน ให้เรียนอย่างเดียว
มีอยู่วันหนึ่ง ญาติผมมาขอยืมเงิน เพราะเขาเดือดร้อนต้องใช้เงิน
ผมก็ด่าเขาไปแบบไม่เกรงใจอะไรทั้งนั้น เพราะตอนนั้นคิดว่าตัวเองมีเงินมาก จะพูดอะไรยังไงกับใครก็ได้
ผมไม่แคร์ใครอยู่แล้ว เพราะยังไงผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือพวกเขาหรอก
ชีวิตผมดีขนาดนี้ แล้วผมก็ให้เงินไปแสนนึง แล้วบอกเขาอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก
ตอนนั้นผมทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปหมดทุกอย่าง ผมจึงคิดการใหญ่
ล ง ทุ น เงินก้อนใหญ่มี่สุดในชีวิต เพื่อตั้งโรงงานอะไหล่ แต่คราวนี้โชคไม่เข้าข้างผม
เกิดน้ำท่วมหนัก โรงงานก็ต้องปิด รถผมสิบคัน
ก็ทุกน้ำพลัดไปหมด บ้านผมก็ท่วมหนัก สุดท้ายเพราะ วิ ก ฤ ต น้ำท่วม
โรงงานที่เพิ่ง ล ง ทุ น ไปก็ต้องปิดตัวลง เงินสดที่เคยมีก็ไม่เหลือ
ต้องเอาเงินไปจ่ายหนี้ที่กู้มาเปิดโรงงาน จ้างลูกน้อง ภรรยาเล่นหุ้นก็เจ๊งหมด
ภายในระยะเวลา 4 ปี จากเงินเป็นร้อยๆล้าน เหลือแต่หนี้เป็นร้อยๆล้าน
ผมกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ตอนนี้ผมต้องเช่าห้องแถวอยู่กับภรรยาสองคน
ขายก๋วยเตี๋ยวเพื่อประทังชีวิต ส่วนลูกๆบางคนก็ยังเรียนไม่จบ
ก็ต้องกลับมาที่นี่เพื่อหางานทำเอง แยกจ้ายกันเอาตัวรอด และผมก็ไม่เคยเห็นหน้าลูกๆอีกเลย
ตอนนี้ผมอายุ 70 กว่าแล้ว ต้องมานั่งล้างจาน ยกหม้อก๋วยเตี๋ยวเอง
มาลำบากตอนแก่ แต่ก็ทำให้เข้าใจชีวิตได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน
เงินค่าเช่าห้องก็ได้มาจากญาติคนที่ผมเคยด่าเขาตอนมาขอยืมเงินผม
ลูกเขาเลยเอามาคืนผม แล้วบอกผมว่า“ตอนนั้นผม ป่ ว ย ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก
พ่อผมจึงต้องบากหน้ามาขอยืมเงินคุณลุง
ถึงจะโดนคุณลุงด่าแบบไม่ใยดี โยนเงินให้เหมือนหมา แล้วก็ไล่พ่อผมไป
แต่ผมก็ต้องขอบคุณคุณลุง เพราะเงินลุงในวันนั้น ผมถึงรอดมาได้
ผมจึงมาทำตามที่พ่อบอก ผมคืนเงินก้อนนี้ให้ลุง 100,000 ส่วนอีก 50,000 ถือว่าเป็นดอกเบี้ย”
ผมจึงได้เอาเงินก้อนนี้ที่หลานให้คืนมาจ่ายค่าเช่าห้อ
ง และ ล ง ทุ น เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวขาย ตอนนี้มันทำให้ผมเข้าใจคำว่า “กรรมตามสนองแล้วจริงๆ”
จริงๆหลานผมก็ไม่ได้ด่าผมหรอก และเขาพูดความจริง แต่มันเป็นความจริงที่ผมรับไม่ได้เท่าไหร่
นี่แหละที่เขาเรียกว่า รวยแล้วทะนงตน สุดท้ายเมื่อตกลงมาก็ไม่มีใครอยากยื่นมือมาช่วย
เพราะตอนเรามีเราก็ไม่ได้ช่วยเหลือใครไว้ชีวิตคนเรามันไม่แน่ไม่นอน
วันหนึ่งคนที่เราเคยกดเขา สุดท้ายก็อาจจะต้องให้เขาช่วยชีวิตเรามีขึ้นก็ต้องมีลงเป็นธรรมดา
คนเราขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่ยิ่งตกลงมาก็ เ จ็ บ มากเท่านั้น ทำดีกับทุกคนไว้จะดีกว่า
เพราะเราไม่รู้ว่า วันข้างหน้าเราต้องให้เขาช่วยหรือเปล่า
ที่มา : b i t c o r e t e c h