![](https://jingjai999.com/wp-content/uploads/2022/12/3-23-850x491.jpg)
ความทุกข์ระทมขมขื่นของชีวิตมักจะเข้ามาทักทายเราในเวลาที่คาดไม่ถึงเสมอ
บางทีก็เข้ามาในช่วงที่เรากำลังมีความสุขมากๆ เช่นกัน และปัญหามากมาย
ที่โหมกระหน่ำเข้ามานี้เองที่มักจะทำให้เกิดผลอัน เ ล ว ร้ า ย ขึ้นกับตัวเรา
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกำลังรู้สึกหดหู่กับชีวิต ผู้คนรอบข้างมักจะเอาแต่บอกว่า
ให้หันมามองโลกในแง่บวกบ้างล่ะ คิดถึงแต่สิ่งดีๆ บ้างล่ะ หรือไม่ก็ให้ลองเปรียบเทียบตัวเอง
กับผู้ที่ด้อยกว่าบ้างล่ะ ซึ่งในความเป็นจริง คำปลอบใจเหล่านี้นอกจากจะช่วยอะไร
ไม่ได้มากแล้ว บางครั้งก็ยิ่งทำให้รู้สึก แ ย่ ลงไปอีก
ปล่อยให้ตัวเองได้สัมผัสกับความรู้สึก แ ย่ ๆ เหล่านั้น
นานๆ ทีการปล่อยให้ตัวเองได้รู้สึก แ ย่ บ้างก็เป็นเรื่องที่ไม่ เ ล ว ให้คุณคิดว่า
อะไรก็ตามที่ทำให้ชีวิตคุณย่ำ แ ย่ นั้น มันต้องมีเหตุผลที่แท้จริงแฝงอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นการ เ จ็ บ ป่ ว ย อย่างกะทันหัน หรือการตกงาน
ที่นำไปสู่ปัญหาทางการเงิน รวมถึงข่าว ร้ า ย อื่นๆ ที่ไม่ทันตั้งตัว
แน่นอนว่าคนเราย่อมมีสิทธิ์ที่จะบ่นหรือตัดพ้อในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะการคิดในแง่ลบบ้าง
ย่อมไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรอยู่แล้ว ในทางตรงกันข้าม บางครั้งการคิดในแง่ลบ
ก็ช่วยทำให้เกิดผลดีได้เช่นกัน มันสามารถช่วยให้คุณข้ามพ้นปัญหา
และนำคุณไปสู่การฟื้นฟูจิตใจตนเองและกลับไปสู่วิถีชีวิตแบบปกติสุขได้
รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วเดินหน้าต่อไป
สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้ก็คือ การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง
‘การโทษตัวเอง’ กับ ‘การรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น’ ไม่ว่าความผิดพลาดทั้งหมด
จะเกิดจากการตัดสินใจพลาด หรือจะเป็นการที่ไม่สามารถควบคุมต้นเหตุของปัญหาได้ก็ตาม
การยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้และเรียนรู้จากมันย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด
การโทษตัวเองไม่สามารถช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นได้เลย เพราะฉะนั้นเราจึงควรหัน
มาทำความเข้าใจกับการกระทำของตัวเองเสียใหม่ แล้วคิดทบทวนให้ดีว่า
ถ้าหากคุณได้รับโอกาสเดิมเป็นครั้งที่สอง คุณจะยังคงทำสิ่งต่าง ๆ แบบเดิมอยู่หรือไม่
และเมื่อได้บทเรียนจากการคิดใคร่ครวญครั้งนั้นแล้ว ก็จงลุกขึ้นแล้วก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
ทำเพื่อตัวเอง
อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ความ ร้ า ย แรงของสิ่งที่เกิดขึ้นเบาบางลงได้ก็คือ
ต้องใจกว้างและใจดีกับตัวเองเป็นพิเศษ ช่วงเวลาแบบนี้แหละ
ที่คุณควรจะตามใจตัวเองให้มาก แต่ก็ต้องอยู่ภายในขอบเขตที่เหมาะสม
ลองหยุดพักและถอยห่างจาก “การจริงจังกับชีวิต” เพื่อตั้งหลักให้มั่นและรวบรวมความคิดเสียใหม่
อาจจะลองออกไปเดินเล่นข้างนอกท่ามกลางธรรมชาติ หรือที่ไหนก็ตามที่ทำให้คุณสบายใจขึ้น
ก็เป็นวิธีง่ายๆ รูปแบบหนึ่งในการปลอบประโลมตัวเองได้
สิ่งสำคัญก็คือ คุณควรเอาใจใส่กับ สุ ข ภ า พ กายและ สุ ข ภ า พ จิต ทำได้โดยการกิน อ า ห า ร ดีๆ
ดื่มน้ำเยอะๆ หรือออกกำลังกาย ก็ถือได้ว่าเป็นวิธีคลายความซึมเศร้าตามธรรมชาติ
หรืออาจจะให้เวลากับสิ่งที่ชอบมากขึ้น ไม่ก็ใช้เวลากับเพื่อนหรือคนที่คุณรัก
ต่อมาคุณต้องยอมรับความรู้สึกของตัวเองให้ได้ ยามที่เกิดอารมณ์เศร้าหรือโกรธ
ซึ่งทางที่ดีก็คือ ระบายมันออกมาด้วยการพูดหรือการเขียน พยายามปลดปล่อยสิ่ง
ที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาให้หมด อาจจะฟังเพลง เล่นดนตรี หรืออะไรก็ได้
ทั้งหมดนี้คือวิธีที่จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้ความรู้สึก แ ย่ ๆ
ของตัวเอง และสามารถนำความรู้สึกดีๆ เข้ามาทดแทนได้
เผชิญหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว ให้ลองมองไปข้างหน้าเพื่อหาทางแก้ไข คอยปลอบใจตัวเองว่า สิ่งต่างๆ
ผ่านเข้ามาแล้วย่อมผ่านไปเสมอ แล้วความรู้สึก แ ย่ ๆ เหล่านี้ย่อมหายไปเมื่อถึงเวลาของมัน
บางครั้งสิ่งเดียวที่คุณจะทำได้ก็คือ “การรอคอย” โดยเฉพาะเมื่อกำลังรู้สึกเศร้าหรือ แ ย่ ถึงขีดสุด
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ร้าวฉาน หรือการสูญเสียคนใกล้ชิด
การสูญเสียอะไรบางอย่างย่อมนำไปสู่ความเศร้าโศกและใจสลาย
ซึ่งการปฏิเสธความรู้สึกเหล่านี้ หรือฝังมันเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ
ด้วยการทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไร ล้วนเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อ สุ ข ภ า พ
และอาจส่งผลเสีย ร้ า ย แรงในระยะยาวได้
จำไว้ว่าปัญหาจะทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น
ประสบการณ์จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้และเข้มแข็งขึ้นกว่าที่เคยเป็น
เราทุกคนล้วนผ่านเหตุการณ์ที่ย่ำ แ ย่ ในชีวิตกันมาบ้าง บางคนอาจต้องเผชิญกับมันมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำไป
ซึ่งวิธีเดียวที่จะทำให้เราเติบโตขึ้นได้ก็คือ การเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งดีและ ร้ า ย
เมื่อคุณรู้ว่ามีเรื่อง แ ย่ ๆ เกิดขึ้น คุณอาจจะมีความรู้สึกหดหู่ใจ แต่ประเด็นก็คือ
อย่างน้อยคนเราก็ควรมีวันที่เศร้าบ้าง มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ บ้าง หรือรู้สึกหดหู่ใจบ้าง
ขอเพียงคุณกล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกเหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมา
ไม่แน่ว่ามันอาจกลายมาเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิตของคุณก็ได้นะ
ที่มา : s u m r e j