![](https://jingjai999.com/wp-content/uploads/2022/10/1-2-850x491.jpg)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อเรารู้สึกสนุกกับงาน ที่เราทำอยู่ เราก็อาจจะมีปัญหาอื่น ๆ แทรกเข้ามาอยู่เสมอ
ถ้าไม่ได้มีปัญหาที่ตัวงานก็มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับคนที่เราทำงานด้วย
เพื่อนร่วมงานเป็นหนึ่งในนั้น เพื่อนร่วมงานอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังไม่มีความสุขในการทำงาน
บางครั้ง เรารู้สึกไม่สบายใจ ที่จะต้องทำงานกับเพื่อนร่วมงานบางคนความรู้สึกไม่สบายใจจะยิ่งมีมากขึ้น
เมื่อรู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานกำลังเอาเปรียบเรา ทำงานโดยไม่ได้ใส่ใจว่าการกระทำของเขา จะทำให้เราเดือดร้อนหรือไม่
ทำให้เราต้องเริ่มคิด แล้วว่าเราจะทำงานกับเพื่อนร่วมงานอย่างนี้ไปได้นานแค่
ไหนแล้วเพื่อนร่วมงานเจ้าปัญหาที่มักจะเอาเปรียบเรา มีกี่ประเภท แล้วจริง ๆ แล้ว
เราเคยเจอคนพวกนี้ ในออฟฟิศของเราบ้างไหม ถ้าเจอกันจริง ๆ แล้ว จะรับมือกับเขาอย่างไรดี
– เพื่อนร่วมงานเลือกงานน้อยๆ ไปทำ และให้เราทำงานเยอะ
– เพื่อนร่วมงานเลือกทำงานง่ายๆ เหลืองานย ากๆ ให้เราทำ
– เพื่อนร่วมงานทำแต่งานที่เอาหน้า ให้เราทำแต่งานเอก ส าร
– วันหยุด แต่เพื่อนร่วมงานกลับโยนงานมาให้เราทำ
แต่จะต้องทำอย่างไร หากต้องเผชิญหน้า กับคนเช่นนี้ขึ้นมาจริง ๆ เมื่อเริ่มรู้สึก
ว่ากำลังถูกเพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ ลองทำตามวิธีการเหล่านี้ดู
แล้วมาดูกันว่าเราจะต่อกร กับเพื่อนร่วมงานเจ้าปัญหาได้ดีขนาดไหน
งดใช้ความ รุ น แ ร ง
อย่าเพิ่งโมโห แม้ว่าบางครั้ง เพื่อนร่วมงานของเราอาจจะมีพฤติกรรม เ ล ว ร้ า ย
ไปบ้าง แต่เราก็ไม่ควรโต้ตอบเขาด้วยความ รุ น แ ร ง
เพราะนั่นเท่ากับว่าเราก็ไม่ได้แตกต่างจากเขาเท่าไรนัก
หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง ไม่ควรโต้ตอบเขา ด้วยถ้อยคำ
หรือแสดงออกทางอารมณ์ที่ รุ น แ ร ง การเลือกที่จะไม่โต้ตอบน่
า จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องถูกมองในแง่ลบ
ถอยห่างเมื่อมีโอกาส
การเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมงาน เจ้าปัญหา เป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากใจอยู่ไม่น้อย
เพราะนอกจากเขาจะไม่เข้าใจว่าเขากำลังสร้างปัญหาให้กับเราแล้ว
เขาอาจจะมองว่าเราเองต่างหาก ที่เป็นปัญหาในการทำงานสำหรับเขาอยู่
หากยังคงไม่สามารถ สร้างความเข้าใจกันได้ สิ่งที่เราควรจะทำ
คือการถอยห่างออกมาก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการตอบโต้กัน
ด้วยความ รุ น แ ร ง อีกทั้ง ต้องไม่แสดงออกว่าเรากำลังโกรธ
หรือไม่พอใจกับสิ่งที่เขาทำ เพราะอาจจะทำให้สถานการณ์ เ ล ว ร้ า ย มากยิ่งขึ้น
พูดคุยอย่างตรงไปตรงมา
หากปัญหาความขัดแย้ง ควรมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เราก็ควรจะเปิดใจพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน
แต่ควรพูดเมื่อเราไม่อยู่ในอารมณ์โกรธแล้ว ก่อนที่จะเริ่มพูดคุย เราต้องตัดความขุ่นเคืองออกไปก่อน
แล้วพูดคุยกันด้วยเหตุผล เมื่อต้องการจะเคลียร์ปัญหา เราควรพูดอย่างตรงไป
ตรงมาไป บอกให้เพื่อนร่วมงานคนนั้นรู้ว่าเรารู้สึกไม่สบายใจอย่างไรบ้าง
เราไม่ชอบพฤติกรรมส่วนไหนของเขาบ้าง และสิ่งเหล่านั้น ทำให้ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร
คำนึงเรื่องงานเป็นหลัก
แต่ท้ายที่สุดแล้ว หากการพูดคุยกัน ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ เราเองอาจต้องยอมรับว่า
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะพฤติกรรมของคนเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ
เมื่อมาถึงจุดนี้ เราอาจจะต้องกลับมาคิดว่า เราเข้ามาอยู่ในออฟฟิศเพื่ออะไร
เรามาทำงานใช่หรือไม่ หากใช่ เราคงต้องบอกตัวเองแล้วว่างานสำคัญกว่าคน
หากสิ่งที่เพื่อนร่วมงานของเราทำ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ การทำงานมากนัก เราก็อาจจะต้องปล่อยให้เป็นไป
ขอให้หัวหน้าช่วยจัดการ
จัดการเพื่อนร่วมงาน เอาเปรียบ อย่าเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขี้ฟ้อง
หากจะต้องเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้เจ้านายฟัง
การที่เรื่องไปถึงหูเจ้านายนั่นก็หมายความว่าเรื่องนี้สุดที่จะเยียวย า
และเราไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ ได้ด้วยตัวเองแล้วจริง ๆ
เราจึงต้องขอให้หัวหน้าช่วยเหลือเรา ให้ตักเตือน เพื่อนร่วมงานที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้เรา
เพื่อนร่วมงานเจ้าปัญหา มีอยู่ทุกที่ทุกเวลา ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมือกับคนเหล่านั้นอย่างไร
การแสดงให้เขาเป็นว่าเราไม่แฮปปี้กับสิ่งที่เขาทำเป็นหนทางหนึ่ง ของการแสดงจุดยืนของเรา
หากเขามีความเกรงใจเราอยู่บ้าง เขาก็จะไม่สามารถสร้างความเดือดร้อน
ให้กับเราได้อีก แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้วิธีไหนเท่านั้นเอง
ที่มา : t h.j o b s d b