
เมตตาเขา เราสุขเอง
หลายคนสงสัยว่า หากคนคนหนึ่งทำ เ ล ว กับเราไว้มากๆ แล้วเราจะไปเมตตา
หรือให้อภัยเขาลงได้อย่ า งไร ที่สงสัยเช่นนี้ เพราะสิ่งที่หลายคนยังไม่ทราบก็คือ
“การให้อภัย”
ไม่ใช่การกระทำเพื่อสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนที่เราเกลี ย ด แต่เป็นการกระทำเพื่อ
สร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับตัวเราเองการคิดร้ า ย คิดลบ และคิดสก ป ร ก ต่อผู้อื่นจะส่ง
ผลให้ ส ม อ ง ของเราเองเต็มไปด้วยเรื่องร้ า ย และลบซึ่งทำให้เราไม่มีความสุข
ทั้งในปัจจุบันและอนาคตเวลาที่เรานึกเกลี ย ด ใคร คนที่ได้รับผลเสียทันทีคือ
ตัวเราเพราะ ส า ร พิ ษ ต่างๆ และสารเคมีแห่งความเครียดที่เรียกว่า“คอร์ติโซล”
จะหลั่งไหลออกมามากมายใน ส ม อ ง ของเราเองไม่ใช่ใน ส ม อ ง ของคนที่
เราเกลี ย ด เวลาที่เรานึกให้อภัยใคร คนที่โชคดีทันทีคือตัวเราเพราะส ารเคมีแห่ง
ความสุขที่เรียกว่า “เอนดอร์ฟิน” และ “เซโรโทนิน” จะหลั่งไหลออกมามากมายใน
ส ม อ ง ของเราเอง ไม่ใช่ใน ส ม อ ง ของคนที่เราให้อภัย
เกลี ย ด เขา เรากลับป่วยง่ายและ ต า ย เร็ว
เมตตาเขา เรากลับสุขภาพดีและมีอายุยืน
เกลียดเขา เราทุกข์
เมตตาเขา เราสุขเอง
นี่แหละคือความหมายอันลึกซึ้งของ “ธรรม” ที่เรียกว่า
“มโนก ร ร ม” ซึ่งแปลว่า “ก ร ร มที่กระทำด้วยจิตใจ”
แน่นอนว่า เมื่อผู้อื่นรับรู้ได้ถึงความประสงค์ร้ า ย หรือเจตนาอันมืดมนของเราพวกเขา
ก็ย่อมตอบ ส น อง กลับมาด้วยบทเรียนราคาแพง เพื่อที่จะได้สั่งสอนเราให้สาสม
วิบากก ร ร มที่ส่งผลในภายหลังนี้เป็นเพียงของแถมแต่ก ร ร มที่แท้จริงส่งผลตั้งแต่
วินาทีที่เราคิดพูดและทำ ชั่ วโดยมันได้เข้าไปเปลี่ยนแปลง ส ม อ ง เราให้เป็น
ส ม อ ง ที่ ชั่ ว ร้ ายมีมลทินและเป็นอันตร า ย ต่อตนเองไปเรียบร้อยแล้วเมื่อคนอื่น
คิดไม่ดีกับเรา ส ม อ งของเขาเองจะถูกทำร้ า ย ในทันที (เขาทำตัวเขาเอง)
หลวงพ่อเฟื่อง โชติโก สอนว่า “คนอื่นเขาด่าเรา เขาก็ลืมไปแล้วแต่เราไปเก็บมาคิด
ต่อเอง เหมือนเขาคายเศษอาหารทิ้งไปแล้วเราไปเก็บมากิน แล้วจะว่าใครโ ง่ …”
ขอบคุณที่มา หนังสือ ก ร ร ม ต า ม ส ม อ ง