Home ข้อคิดสอนใจ เคยสงสัยไหม ว่าทำไมเราใช้ชีวิตยากขึ้นทุกวัน

เคยสงสัยไหม ว่าทำไมเราใช้ชีวิตยากขึ้นทุกวัน

0 second read
0
0
171

1. คุณไม่ได้ทำงานเพื่อเงินแต่เพียงอย่างเดียว

เงินเป็นเพียงปัจจัยหลักที่สามารถ ซื้ อ “หลายสิ่ง” ได้ แต่สำหรับมิตรภาพ, ความเก่งกาจ,

ความฉลาด ฯลฯ อะไรก็ตามที่เป็นนามธรรม ที่คุณได้รับจากองค์กรไปตั้งแต่วันแรก และ

ความรู้สึกในชีวิตส่วนตัวมัน ซื้ อ ไม่ได้หรอกถ้าคุณคิดว่าการทำงานมีเป้าหมายก็เพื่อเงิน

คิดแต่ว่าทำยังไงก็ได้เพื่อให้ได้เงินเยอะ ๆ เช่น  พ ย า ย า ม ทำโอทีมาก ๆ หรือไม่ก็

เช้าชามเย็นชาม ทำงานไปงั้น ๆ เพราะรู้ว่าเดี๋ยวเงินเดือนก็ออกเอง มันก็ไม่แปลกที่คุณ

จะรู้สึกว่าฝืน ไม่มีความสุข ไม่มีความก้าวหน้า … ก็ในเมื่อคุณเลือกเองที่จะมีเป้าหมาย

ของการทำงานไม่กี่อย่างคิดดูให้ดี นอกจากเงินเดือน คุณได้อะไร หวังอะไรจากที่

ทำงานไปบ้าง? มิตรภาพ? ความก้าวหน้า? ทักษะความสามารถ? ความสนุก? สังคม?

ยิ่งคิดให้กว้างเท่าไหร่ คุณจะยิ่งหายใจได้สะดวกขึ้น โล่งขึ้น รู้สึกได้ว่า

“การมาทำงานไม่ใช่เรื่องที่ต้องฝืนทน” มันต้องมีอะไรมากกว่าเงินสิ !

2. เงินเดือนได้เท่าไหร่ไม่สำคัญเท่ากับ “จ่ายไปเท่าไหร่”

เงินเดือนหลักแสนหลักหมื่นก็มีสิทธิจนได้ในพริบตา หากยังไม่รู้จักประมาณตน

ไม่ลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่ายว่า “ควรหรือไม่ควรจ่ายในเรื่องอะไร”

การบริหารรายรับรายจ่ายเท่านั้นที่จะบ่งบอกได้ว่าคนนั้นรวยจริงรึเปล่า

(มีเงินเก็บรึเปล่า?) ไม่ใช่ดูกันเพียงสเตทเม้นท์แต่เพียงผิวเผิน

3. นอกจากเรื่องงาน เราไม่จำเป็นต้องแข่งเรื่องอื่นกับเพื่อนร่วมงาน

รสนิยมเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ และไม่มีใครบอกด้วยว่าแบบไหนผิด

แบบไหนถูก เพราะความชอบของคนเราไม่เหมือนกัน อย่าตกกับดักสังคม

ด้วยวิธี “เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง” คนอื่นอัพเกรดตัวเองยังไงก็ช่าง กินหรู

จ่ายแพงยังไงก็เรื่องของเขา เราจงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่เป็นอันพอแล้ว

4. ควรใช้เงินเพื่อความสุขของปัจจุบันและอนาคต

หักลบกลบหนี้รายเดือนแล้ว คุณควรให้รางวัลตัวเองเป็นอะไรก็ได้ เช่น

ตั๋วหนัง, หนังสือ, ทริปต่างจังหวัด, การเข้าสังคม เพื่อผ่อนคลายและ

พัฒนาตัวเองไปพร้อม ๆ กัน อย่ากักขังตัวเองเพียงแค่การทำงานมา

หักลบค่าใช้จ่ายรายเดือนเพียงอย่างเดียว ไม่อย่างนั้นคุณจะรู้สึกว่างาน

ที่ทำอยู่มันกดดันสูง ไม่มีความสุข ท ร ม า น เพราะไม่รู้ว่าจะออกไปเลยดีมั้ย

แต่กระนั้นก็ตาม อย่าลืมเจียดบางส่วนไว้เป็น “เงินออม” หรือ

“เงินสำหรับอนาคต” เพื่อไม่ให้ตัวเปล่าเล่าเปลือยเกินไป หากเกิดอะไร

ฉุ ก เ ฉิ น ขึ้นในวันข้างหน้า คุณจะได้ไม่กิน เ นื้ อ ตัวเองมาก อุ่นใจกับความ

เป็นอยู่ในปัจจุบันได้ดี

5. อย่าเอาชีวิตตัวเองไปเปรียบเทียบกับเพื่อนสายงานอื่น

ทุกสายงานล้วนแต่มีความยากง่ายปะปนกันไปเท่า ๆ กัน หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ

“มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย” เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเจ้าของกิจการ, อาชีพอิสระ,

มนุษย์เงินเดือน ไม่มีใครได้เปรียบกว่าใคร ไม่มีใครเหนือกว่าใคร สิ่งที่เราควร

ทำเมื่อต้องพบปะกับเพื่อนต่างสายงานก็คือ ยินดีเมื่อเขาประสบความสำเร็จ

คอยช่วยเหลือกันเมื่อใครก็ตามเดือดร้อน เพราะความเป็นมิตร มันยั่งยืนและ

สวยงามกว่าการตั้งป้อมเป็นคู่แข่งกันเสมอ

6. อย่าเพิ่งเปลี่ยนเส้นทาง หากว่ายังไม่เต็มที่ในทางที่กำลังเดินอยู่

ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่ทำให้รู้สึกอยากลาออกหรือเปลี่ยนสายงาน ลองทบทวน

ตัวเองอีกครั้งว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรอย่างเต็มความสามารถแล้วหรือยัง หรือ

ที่จะลาออกนั้นเป็นเพียงเพราะอารมณ์ ชั่ ว วู บ เพียงเท่านั้น? ถ้ายัง ลอง

เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ตั้งใจลุยอีกสักตั้ง อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าออกไป

ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า ”รู้งี้ ฉัน… ดีกว่า” ซึ่งมันน่าเสียดาย น่ า เ จ็ บ ใ จ กว่าเยอะนะ

7. รู้จักเป็นคนยืดหยุ่นบ้าง

ไม่มีอะไรมั่นคงแน่นอนดั่งใจหวังเสมอไป ใครจะไปรู้ว่างานที่ทำอยู่อาจจะ

โดนตำหนิ มีเพื่อนร่วมงานไม่ชอบใจ หรือ ร้ า ย แ ร ง ถึงขั้นต้องถูกเชิญให้ออก

ดังนั้น นอกจากคิดในแง่บวก คุณต้องคิดแต่ละเรื่องให้รอบด้านมาก ๆ

เพื่อที่เกิดปัญหาขึ้นมาจริง ๆ คุณจะได้ เ ค รี ย ด น้อยลง มีสติมากขึ้น

“ก็มันเกิดขึ้นแล้วไงล่ะ? ฉันจัดการได้!”

คาดหวังให้น้อย เปรียบเทียบให้น้อย วางแผนให้เป็น ความสุขเราจะอยู่ในระดับที่

ไม่ไกลเกินเอื้อมและไม่สั้นเกินไป ชีวิตง่าย ๆ ชิล ๆ สโลว์ไลฟ์ ใครว่าเป็นเฉพาะ

เจ้าของกิจการหรือฟรีแลนซ์ล่ะ? มนุษย์เงินเดือนก็เป็นได้

ขอขอบคุณ jeeb

Load More Related Articles
Load More By jingjai
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

เตือนสติทุกคน 11 นิสัยที่ทำให้ลำบาก จงรีบแก้ไขก่อนจะสาย

1. ไม่รู้ว่า “เวลา” เป็นของมีค่า ทุกคนมีเวลา 24 ชม. เท่ากัน แต่สงสัยไหมว่าทำไมบางคนใช้เวลา…