Home ข้อคิดสอนใจ อยากให้ลูกเก่ง มีอนาคต พ่อกับแม่ต้องมี 3 ข้อ

อยากให้ลูกเก่ง มีอนาคต พ่อกับแม่ต้องมี 3 ข้อ

6 second read
0
1
19,701

พ่อแม่หลายคน ชอบช่วยเหลือ ลูกอยู่ตลอดเวลา เพราะ กังวลว่าลูกจะทำอะไรหลายๆ อย่างได้ไม่ดีพอ

แต่คุณรู้ไหมว่า การทำแบบนี้จะเป็นการทำให้ลูกของคุณกลายเป็นคน อ่ อ น แ อ ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้

วันนี้มีงานวิจั ย เผยว่า 3 ข้อ ที่หากแม่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

หรือมีส่วนช่วยเหลือลูกๆได้น้อยที่สุดจะส่งผลดีกับลูกมากที่สุด

1. แม่ต้องขี้เกียจขยับมือ สอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตนเอง

คุณแม่กุ๊ก เผยประสบการณ์ว่า เธอจะไม่เข้าไปช่วยลูกในสิ่งที่

พวกเขาสามารถทำได้เอง เช่น เมื่อห้องนอนของกุ๊กไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย

แม่จะเตือนกุ๊กว่า ควรจัดห้องอย่างไร เพื่อให้เป็นระเบียบ

แต่จะไม่เข้าไปทำให้ลูกเอง เธอปล่อยให้ลูกได้ทำด้วยตัวเองช่วงเปิดภาคเรียน

คุณครูขอให้นักเรียนห่อปกหนังสือเรียนเล่มใหม่ของเทอมนี้

แต่กุ๊กทำไม่เป็น แม่จึงสอนกุ๊กห่อ 1 เล่มก่อนเป็นตัวอย่างให้กุ๊กดู

จากนั้นก็ปล่อยให้กุ๊กลองทำเองทั้งหมด กุ๊กไม่อย ากห่อเอง จึงไม่ยอมขยับมือ

แม่ก็ไม่สนใจเธอได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อม ชี้นิ้วบอกให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้

แต่ไม่เข้าไปช่วยห่อ ทำให้กุ๊กต้องนั่งห่อเองทั้งหมด

แม่ของกุ๊กบอกว่า “ความจริงถ้าฉันจะเข้าไปช่วยห่อจะประหยัดเวลาได้มาก

แต่กุ๊กจะไม่มีวันเรียนรู้ที่ห่อ ปกหนังสือเองได้เลย ดังนั้นนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดคือ

ปล่อยให้กุ๊กห่อเอง แม้ว่าจะห่อไม่เรียบร้อยก็ตาม”

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่เคยขยันหมั่นเพียร ในการช่วยเหลือลูก

ในการทำสิ่งต่างๆ แต่ให้ลูกทำเอง เพื่อจะได้พึ่งพาอาศัยตัวเองช่วยเหลือตัวเองได้

และไม่เฉยเมยต่อการฝึกฝน สร้างความรับผิดชอบให้กับลูก

2. แม่ต้องขี้เกียจบ่นหรือพูดมาก ให้ลูกเรียนรู้ที่จะเติมโตด้วยตนเอง

พ่อแม่หลายคนชอบสร้างความคาดหวัง ในตัวลูกมากเกินไป

อย ากให้ลูกทำตามสิ่งที่ตัวเองนั้นต้องการเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูก

แต่การทำแบบนี้จะทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด กดดัน

และกลายเป็นไม่อย ากฟังและทำเป็นหูทวนลม ไม่ใส่ใจกับสิ่งที่แม่พูด

แต่มีครอบครัวหนึ่ง ที่กลับทำตรงกันข้ามในช่วงสุดสัปดาห์

ต้นเล่นเกมเป็นเวลานานมาก และไม่ทำการบ้ าน แม่จึงถามเขาว่า… “ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง…?”

ต้นตอบว่า : “ขอเล่นอีก 10 นาที”

แม่ตอบกลับไปว่า… “โอเค ต้องรักษ าคำพูดนะ”

พอผ่านไป 10 นาที แม่ก็เดินกลับมาดูอีก ต้นก็ยังคงนั่งเล่น อยู่ที่เดิม แม่ โ ก ร ธ มาก

แต่ก็ต้องสงบสติอารมณ์และพูดอย่างใจเย็นว่า… “ปกติลูกเป็นคนรักษ าคำพูดไม่ใช่หรอ…?”

ในตอนนั้น ต้นเริ่มรู้สึกผิด จากนั้นก็เดินไปปิดสวิทช์และรีบไปทำการบ้ านทันที…!!

นั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ แม่ของต้นเคยพูดหลายรอบเกี่ยวกับนิทานเรื่อง

“การเป็นคนน่าเชื่อถือ” และ นั้นก็ทำให้ต้นค่อยซึมซับเข้าไปในจิตใจปกติแม่จะเป็นคนที่

ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการอ่ านหนังสือ ทบทวนตำราเป็นอย่างมาก

จึงได้ซื้ อนิทานสร้างแรงบันดาลใจให้อ่ านมากมาย และจากนิทานเหล่านี้

ทำให้ต้นเรียนรู้ที่จะนำมาใช้กับตนเอง เสริมสร้างการควบคุมนิสัย

ของตนเอง การอดทนอดกลั้น ด้านจิตตานุภาพเพื่อให้ตนเองเป็นคนที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่ขยันที่จะบ่นทั้งวันแต่ใช้เหตุผลในการพูดคุย

เพราะเธอรู้ดีว่าลูกไม่ชอบการบ่น แต่เธอขยันในการหาวิธีในการรับมือ

เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและคุณภาพที่ดีเยี่ยมให้ลูก

3. แม่ต้องขี้เกียจ ไม่เข้าไปช่วยลูกทำการบ้ าน

มีคุณแม่คนหนึ่ง เล่าประสบการณ์ว่า ตนเองไม่เคยไปสอนการบ้ าน ให้ลูกชายเลย

แม่จะเตือนลูกมากกว่าว่าเวลาไหนควรไปทำการบ้ านได้แล้ว

เมื่อทำเสร็จแล้วก็บอกแม่คำหนึ่งก็พอ ส่วนการตรวจสอบว่าลูกชายทำถูกหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของตัวเขาเอง

หรือให้เรียนรู้ว่าถูก หรือผิดจากที่โรงเรียน แม่มีหน้าที่แค่เซ็นชื่อเท่านั้นในตอนแรกลูกชายไม่พอใจ

เป็นอย่างมากโดยบอกว่า “แม่ของคนอื่นจะช่วยตรวจการบ้ านให้ด้วย

ทำไมแม่ขี้เกียจแบบนี้…?” เธอตอบลูกชายไปว่า… “ ไม่ใช่เพราะแม่ขี้เกียจหรอกนะ

ลูกคิดดูสิ..!! หากแม่ช่วยลูกตรวจ การบ้ าน แล้วลูกจะรู้ได้อย่างไร ว่าผิดตรงไหนบ้ าง

แล้วต่อไปลูกจะตรวจเองเป็นไหม…? ตอนสอบหากผิดลูกจะรู้ไหม ว่ามันผิดตรงไหน

จงจำไว้นะว่าในตอนนั้นไม่มีใครสามารถมาช่วยลูกตรวจข้อสอบได้

ลูกจะได้ฝึกการตรวจความถูกต้อง และเรียนรู้ด้วยตัวเอง ”

ในห้องเรียนลูกจะเจอ บทเรียนก่อน และ จึงจะได้ทำข้อสอบ

แต่… ในโลกแห่งความเป็นจริงลูกจะได้ เจอบททดสอบก่อน

แล้วถึงจะได้บทเรียน นี่คือสิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด

เธอสอนให้ลูกรู้จักพึ่งตนเอง เมื่อพบเจอปัญหาก็ต้องคิดใคร่ครวญเอง

หากคิดไม่ออกจริงๆค่อยถามแม่หรือขอคำแนะนำจากแม่ได้

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่เคยชี้นำลูกให้เรียนรู้ แต่ปล่อยให้ลูกทำอย่างอิสระ

และคิดอย่างอิสระ แต่เธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เธอยังให้ความสนใจกับลูก

และใช้วิธีการที่ชาญฉลาด เพื่อช่วยแก้ปัญหาเมื่อลูกมีปัญหา

มันสอนให้รู้ว่าผู้ปกครองควรที่จะปล่อยลูกของตัวเองบ้ าง

ในเวลาที่สมควร ให้เขาได้เรียนรู้ และใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่ สิ่งที่ตัวอย่างแม่ๆ ทั้งหลายทำนั้น

มันเป็นวิธีในการปลูกฝังลูกน้อยที่ดีมาก เพื่อให้เขาสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเอง

และช่วยเหลือตัวเองได้พ่อแม่ทุกคนมักจะกังวลกับลูก

จนไม่กล้าปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้และทำอะไรด้วยตัวเขาเอง

คุณควรเอาความกังวลเก็บไว้ในใจ และปล่อยให้เขาโบยบิน

ไปด้วยวิธีของเขาเองเพื่อให้เขามีปีกที่แข็งแรงพอ และอยู่ได้ด้วยตัวเองในวันที่ไม่มีคุณปกป้อง

ถ้าอย ากให้ลูกเป็นคนใจเย็น ให้ฝึกการรอคอย

ถ้าอย ากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเป็น ให้ลูกได้ลองลงมือปฎิบัติ

ถ้าอย ากให้ลูกพูดเพราะ และ มีมารย าท ต้องทำให้ลูกเห็นทุกวัน

ถ้าอย ากให้ลูกมีวินัย พ่อแม่ต้องรู้จักรักษ าคำพูด

ถ้าอย ากให้ลูกแก้ปัญหาได้ ให้ฝึกให้เจอปัญหาบ่อยๆ

ถ้าอย ากให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น ให้ฝึกถามเพื่อให้ลูฏกล้าแสดงความคิดเห็น

ที่มา : l i f e b e e p e r

Load More Related Articles
Load More By adminjing
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

8 วิธีทำให้คนนับถือคุณ หลักๆ อยู่ที่การวางตัว

ไม่ใช่แค่กลุ่มคนทำงาน แต่พวกเราทุกคนต่างต้องอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุ…