
1.ขาดเป้าหมายที่ชัดเจน
เพราะมีแต่ความฝัน ที่อยากรวย อยากประสบความสำเร็จ อยากมีชีวิตที่ดี๊ดี แต่พอถามว่าอยากรวยเท่าไหร่กลับนิ่งเฉย เพราะยังไม่เคยคิดถึงตัวเลขในหัว อยากประสบความสำเร็จแต่พอให้เขียนว่าอยากประสบความสำเร็จเรื่อง
อะไร ก็ยังนึกไม่ออก เพราะไม่เคยชัดเจนไงครับ รู้อย่างเดียวฉันต้องรวย ต้องสำเร็จคำแนะนำของผม คือไปเขียนให้ชัดเจน เฉพาะเจาะจงครับว่า ถ้าอยากรวยตัวเลขที่คิดไว้เท่าไหร่จากนั้นจงหาวิธีการเพื่อพาตัวเราไปสู่เป้าหมายครับ
2.ชอบทางง่าย ๆ
คนส่วนใหญ่ที่เขา รวย เขาประสบความสำเร็จ เป็นเพราะเขาผ่านความยากลำบาก ผ่านความผิดหวังเสียใจมาเยอะครับ ไอ้ที่บอกกันในร้านหนังสือ ในงานสัมมนา ดูเหมือนง่ายนะ แต่ไม่ง่ายหรอกครับ
เพราะเขาบอกแต่ความสำเร็จทำให้คนที่ เ ส พ ได้แต่มโน ฝัน แต่พอเจอทางที่ลำบากกลับยอมแพ้ ท้อสุดท้ายก็เลิกครับ แล้วอย่างนี้จะสำเร็จได้อย่างไร
คำแนะนำของผม คือ เวลาเจอปัญหา หรือ อุปสรรคอะไร ขอให้อึดให้พอ สู้ให้เยอะเพราะก่อนจะสำเร็จมันมีสมการที่น่าสนใจ คือ ล้มเหลว แล้วถึงสำเร็จครับ เชื่อผมเถอะ !!หากคุณยังไม่ล้มเหลว ก็อย่าพึ่งไปคิดถึงความสำเร็จครับ
3.ทำทุก ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน
คนที่สำเร็จส่วนใหญ่ เขาเลือกที่จะทำ เลือกที่จะโฟกัส ให้ความสำคัญกับตัวเนื้องานที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายมากกว่า สิ่งอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเขา แต่คนส่วนใหญ่ที่ล้มเหลว เพราะเห็นอะไรดี ก็ตามกระแส
โดยลืมคิดถึงเป้าหมายของตัวเองคำแนะนำของผม คือ จัดลำดับความสำคัญ โฟกัส ทำทีละเรื่อง หากนั่นคือ จุดเริ่มต้นของการสร้างจนกว่าเริ่มเห็นความสำเร็จ จึงค่อย ๆ ต่อยอดไปสู่สิ่งต่าง ๆ ครับ
4.ไม่มี To do List
ตอนผมทำงานประจำย้อนกลับไปประมาณปี 2552 มีที่ปรึกษาท่านหนึ่งสอนผมเรื่องการทำ To do listแต่ผมต่อต้าน และไม่ให้ความสำคัญ เขียนไปอย่างนั้นเพื่อมีส่ง แต่ปัจจุบัน ผมใช้ To do list เป็นเครื่องมือ
ในการวางแผนงานแต่ละวันก่อนเข้านอน เพื่อจัดลำดับความสำคัญที่ต้องทำ และเป็นการวางแผนเพื่อฝึกสร้างความเป็นระเบียบ วินัยต่อตนเอง ถึงวันนี้ผมต้องขอบคุณที่ปรึกษาท่านนั้น ที่แนะนำสิ่งดี ๆ ให้ผมใช้ในปัจจุบัน
คำแนะนำของผม คือ ก่อนนอน หรือ ตอนเช้า ควรเขียน To do list งานในแต่ละวันเพื่อเป็นการวางแผนตนเองและทบทวนความจำว่า มีสิ่งไหนบ้างที่ต้องให้ความสำคัญกับงานที่ต้องทำ จากนั้นจงลงมือทำงานที่อยู่ตรงหน้าของตนเองให้ดีที่สุด ครับ
5.ชอบคิดแต่เรื่อง แ ย่ ๆ ที่ บั่ น ท อ น กำลังใจ
การคิดถึง อดีต ถามว่าคิดได้ไหมครับ คิดได้ครับ แต่ต้องเป็นอดีตที่คิดแล้วมีความสุขเช่น หากวันนี้เจองานที่ยาก แล้วที่ผ่านมาเราผ่านมาได้อย่างไร คิดแบบนี้เราจะเกิดแรงบันดาลใจในการต่อสู้ครับกลับกัน หากคิดถึงอดีตที่หดหู่ใจ คิดแล้ว ก็ทำให้เกิดความทุกข์ หมดแรง หมดกำลังใจ แบบนี้ต้องรีบดีดทิ้งทันที
เพราะอดีต มันแก้ไขไม่ได้แล้วครับคำแนะนำของผม คือ ต้องรีบดีดสภาวะอารมณ์เชิงลบออกจากใจให้เร็วที่สุด วิธีการที่ผมใช้อยู่เสมอ คือ
การมองอดีตเป็นเพียงทางผ่าน และนำบทเรียนที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้วนั้น นำมาใช้กับปัจจุบันเพื่อสร้างปัจจุบันให้ส่งผลถึงอนาคต ครับ อดีตที่ไม่ดี จงลืมมันไปซะ ยกเว้น อดีตที่ดี คิดได้เสมอครับ
6.คิดว่าฉันเก่ง
ในยุคที่ความรู้หาง่ายมาก ๆ เพราะคิดอะไรไม่ออก ก็พิมพ์ อากู๋ (Google) เข้าไปก็ได้ความรู้แล้วแต่ข้อพึงระวัง อย่าเชื่อจนขาดการคิด การไตร่ตรอง เพราะข้อมูลบางเรื่องก็อาจใช้ไม่ได้ในปัจจุบัน
คนที่ประสบความสำเร็จ เขารู้จักนำข้อมูลมา คิด วิเคราะห์ และแยกแยะ ก่อนนำไปใช้เสมอครับคำแนะนำของผม คือ อย่าคิดว่าความรู้มีแต่ในโรงเรียน หรือในมหาวิทยาลัยเสมอไป เพราะนั่นเป็นแค่ใบเบิกทาง
ให้เรา แต่เมื่อออกนอกรั้วแล้ว ต้องหมั่นเติมความรู้อยู่เสมอ เพราะหากเรานิ่ง ไม่ขวนขวายหาความรู้ใหม่ ๆมาพัฒนาตนเอง เราก็คงอยากจะประสบความสำเร็จ และ โ ง่ ดักดาน แน่นอนครับ
7.ขาดความเชื่อมั่นต่อตนเอง
ความเชื่อนับว่ามีความสำคัญมาก ๆ ในการลงมือทำ เพราะหากเราไม่เชื่อว่าเราทำได้ ก็คงยากครับที่เราจะประสบความสำเร็จ จริงไหมครับ !! แต่ก็ต้องระวังเรื่องความเชื่อมั่นที่สูงจนเกินไป เพราะนั่นถือเป็นสิ่งที่ อั น ต ร า ย มาก ๆ
ในการก้าวไปข้างหน้า เพราะเราจะปิดหู ปิดตา ไม่ฟังเสียงรอบข้างที่อาจเป็นประโยชน์ต่อตัวเรานะครับคำแนะนำของผม คือ จงมีความเชื่อมั่นต่อตนเองในระดับที่พอดี ไม่มากเกินไป และน้อยจนเกินไปและควรมีความเชื่อที่สำคัญ 3 ข้อ คือ
เชื่อว่าเป็นไปได้ทุกครั้งที่ทำ แต่ไม่ใช่โลกสวย ต้องอยู่กับความเป็นจริง
อย่ารอให้สมบูรณ์แบบแล้วค่อยทำ เพราะโลกนี้ไม่มีคำว่า สมบูรณ์แบบ นะครับ ทำ แล้ว ปรับตามความเหมาะสม
อย่ายึดติดกับความสำเร็จในอดีตเป็นบรรทัดฐาน แต่จงเปิดใจเรียนรู้รอบตัวอยู่เสมอ
เชื่อผมเถอะ !! จงเชื่อมั่นต่อตนเองในระดับที่พอดี แล้วความสำเร็จอยู่ไม่ไกลครับ
8. เมื่อถึงทางเลือก ไม่กล้าตัดสินใจ
ทุก ๆ ความสำเร็จย่อมต้องเจออุปสรรคให้เขานั้นขบคิดในแต่ละวัน บางครั้งต้องเจอกับสถานการณ์ที่ต้องเลือกซึ่งหลายคนส่วนใหญ่ เมื่อเจอสถานการณ์นี้กลับไม่กล้าเลือก เพราะคำว่า กังวล และ ส่งผลไปถึงการกลัวความผิดพลาด
คำแนะนำของผม คือ จงหยุดมโนกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่จงตัดสินใจเลือกหนทางที่คิด วางแผน ไว้แล้วในการลงมือทำ และทำมันให้ดีกับเส้นทางที่เราเลือกให้ดีที่สุดครับ ผลลัพธ์ ผมเองมอง 2 ส่วน คือ
หากทำได้ตามเป้าหมายที่คิดไว้ = จงอย่าหยุดในการก้าวเดิน พัฒนาสิ่งนั้นทำให้ดีขึ้นต่อไป แต่
หากทำไม่ได้ตามเป้าหมาย หรือผิดพลาด = จงยอมรับกับผลลัพธ์ และค้นหาเส้นทางใหม่ ๆ
อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่า เส้นทางนั้นมีหลุมเยอะจนยากจะก้าวข้ามครับ
หากเรามีทัศนคติที่ดี กล้ายอมรับความผิดพลาดที่เป็นเรื่องปกติ อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ใจเราจะเป็นสุขครับ
9.ขาดการตั้งคำถามที่ดีกับตนเอง
เราเคยตั้งคำถามดี ๆ ให้กับชีวิตเราบ้างไหมครับ เช่น
คุณรู้สึกดีกับเป้าหมายตัวเองอย่างไร ?
คุณมองเห็นภาพความสำเร็จ เมื่อบรรลุเป้าหมายเป็นอย่างไร ?
ถ้าหากบรรลุเป้าหมายแล้ว คุณจะได้รับสิ่งดี ๆ อะไรบ้าง
ถ้าต้องการไปให้ถึงเป้าหมาย มีแผนงานและวิธีการอย่างไรบ้าง ?
คุณจะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ ?
คำถามดี ๆ เปลี่ยนชีวิตคนหลายคนมากมายนะครับ หลายคนมักชอบอยู่กับกระแสของสังคม
จนขาดการหันมาดูตนเอง
คำแนะนำของผม คือ ใช้เวลา 30 นาทีทบทวนตนเองบ้างครับ ในแต่ละสัปดาห์ ดังต่อไปนี้
สิ่งที่เราทำได้ดี คืออะไรบ้าง
จะทำอย่างไรจากดีไปสู่ยอดเยี่ยม
สิ่งที่เราเผลอทำพลาดไปในงาน คืออะไร
ถ้าย้อนกลับไปใหม่ได้ จะทำต่างไปจากเดิมอย่างไร
10. ไม่รู้จักตนเอง
มาถึงข้อสุดท้ายของบทความนี้กันแล้วนะครับ ขอบคุณที่ อ่ า น มาถึงข้อสุดท้ายกันครับข้อนี้นับว่าสำคัญมาก ๆ ครับ เพราะเป็นการทบทวนถึง จุดแข็ง และ จุดอ่อนของตนเอง
ที่หลายคนมักชอบหลอกตัวเอง ว่าฉันมีแต่ข้อดี ส่วนข้อเสียหรอ 555 ไม่มีหรอกซึ่งผมย้ำเสมอว่า อย่ามโน แต่ต้องกล้าอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งสิ่งที่สำคัญ
การรู้ตัวเอง นับว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้เราไปได้ไกลมาก ๆครับ ซึ่งหากเรายอมรับโดยเฉพาะข้อเสียของตนเองได้จุดนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อทำให้ข้อเสียกลายเป็นข้อดีกันนะครับ
คำแนะนำของผม คือ ให้หากระดาษ A 4 ขึ้นมา 1 แผ่น แบ่งตารางเป็น 2 ด้านด้านซ้ายเขียนหัวกระดาษว่า ข้อดีของตนเอง ส่วนด้านขวา เขียนหัวกระดาษว่า ข้อเสียของตนเองที่ต้องปรับปรุง
จากนั้นเปิดใจกว้าง ๆ ค่อย ๆ เขียนตามสิ่งที่เราเห็น หรืออาจมีคนอื่น ๆ พูดให้เราได้ยินครับและลองดูว่า ข้อดี หรือ ข้อเสีย เมื่อเขียนแล้ว ด้านไหนมีมากกว่ากัน
หากมีข้อดีมากว่า ก็อย่าได้ทะนงตนนะครับ ต้องพัฒนากันต่อไปทำให้ดีขึ้นทุก ๆ วันและหยิบข้อเสียที่มีบ้าง นำมาปรับปรุงเช่นกันแต่หากเขียนออกมาแล้ว ข้อเสียมากกว่าข้อดี
ต้องรีบโฟกัสหยิบข้อเสียที่มีผลกระทบมากที่สุดนำมาแก้ไขอย่างเร่งด่วนครับ เพราผมเชื่อว่า คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ หากเรานั้นเปิดใจพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงครับ แล้วมันจะดีขึ้นครับ เชื่อผมเถอะ
ที่มา : d r f i s h . t r a i n i n g