Home ข้อคิดสอนใจ ทักษะ 15 ข้อ ของคนเป็นหัวหน้าเก่ง เก่งทั้งงานทั้งบริหารคน

ทักษะ 15 ข้อ ของคนเป็นหัวหน้าเก่ง เก่งทั้งงานทั้งบริหารคน

1 second read
0
1
853

1.หัวหน้างานที่ดีต้องเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ยกตนข่มท่าน

คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ใคร ๆ ก็รัก ใคร ๆ ก็เอ็นดู คนที่เป็นหัวหน้างาน เมื่อมีลูกน้องแล้วก็ต้องเป็นคนที่เข้าถึงง่าย ไม่โอ้อวดว่าเราใหญ่ เราเป็นหัวหน้างาน อีกทั้งการประพฤติตนเอง

ต่อผู้บังคับบัญชาของเรา ก็ต้องให้เกียรติท่าน เสมือนเราเล่นบทบาทของผู้ตามเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ สร้างคุณค่า แต่ไม่ใช่ประจบสอพอนะครับ

ใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ + พฤติกรรมที่ดีเหนือฟ้า ยังมีฟ้านะครับ การอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นสิ่งที่ควรทำต่อคนรอบข้าง

ทำให้เหมือนกัน ในทุก ๆ วัน แบบนี้ ย่อมได้ใจทั้งต่อผู้บังคับบัญชาเรา และ ผู้ใต้บังคับบัญชาและหากวันหนึ่งผู้บังคับบัญชาเรา ชื่นชมมา เราต้องให้เกียรตินั้นต่อ ลูกน้องของเรา มากกว่าตัวเรา

เพราะงานจะเกิดขึ้นได้ ต้องมีคนปฏิบัติ ให้เครดิตต่อลูกน้อง ลูกน้องจะมีกำลังใจทำงานต่อไปกลับกัน หากผู้บังคับบัญชา ตำหนิในผลงานลงมา หัวหน้างานที่ดี ต้องพร้อมรับแทนลูกน้องและนำข้อผิดพลาดนั้นมาประชุมกับลูกน้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไปในอนาคต

สรุป

ทำดี = ให้เครดิตลูกน้อง

ทำผิดพลาด = รับหน้าแทนลูกน้องเสมอครับ

2.หัวหน้างานที่ดีต้องมีคุณธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อใช้ในการปกครองคน

คุณธรรม คือ สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเรา หากเรามีคุณธรรมในใจเยอะ ทำสิ่งใดเราจะคิดก่อนทำข้อสุดท้ายนี้ ผมฝากหัวหน้างานทุกคนให้มีคุณธรรม คือ ธรรมมะ ในการครองตนเอง เช่น

การถือศีล5

การยึดหลักพรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา)

คิดดี พูดดี ทำดี

มีความรู้ผิดชอบ ชั่ ว ดี

มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ

ฯลฯ

3.หัวหน้างานที่ดีต้องเป็นคนตรงต่อเวลา มาเช้า กลับทีหลัง

เรื่องเวลาในการทำงาน นับว่าเป็นเรื่องวินัยของตนเองที่ต้องพึงกระทำเพราะทุกองค์กรย่อมมีเวลาเข้า เวลาออก ที่ชัดเจน โดยเฉพาะเวลาเข้า

ก็ควรมาล่วงหน้าอย่างน้อยสัก 30 นาทีก่อนเริ่มงาน เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจวางแผนในการทำงาน เพื่อนำข้อมูลมาประชุมลูกน้องก่อนเริ่มงาน จะได้เข้าใจตรงกัน

ใครมีข้อสงสัย มีปัญหา ก็ควรกันให้เรียบร้อยก่อนเริ่มงาน หากหัวหน้าทำแบบนี้ได้ทุก ๆ วันรับรองปัญหาจะน้อยลง และทำให้หัวหน้ามีเวลาไปคิดเรื่องงานให้มากขึ้น ดีกว่ามานั่ง ป ว ด หัว

กับปัญหาคนในทุก ๆ วันครับ ส่วนการกลับทีหลัง อันนี้ก็สำคัญ เพราะเรามีความรับผิดชอบที่สูงกว่าลูกน้องก่อนกลับก็ตรวจสอบความเรียบร้อยของงาน จดบันทึกข้อมูล ความผิดพลาด ความสำเร็จของงานในแต่ละวันเพื่อนำมาประกอบในการพูดคุยกับลูกน้องในเช้าวันถัดไป ครับ

4.หัวหน้างานที่ดีต้องรู้จักคิดในเชิงป้องกันก่อนลงมือทำ

เหรียญย่อมมี 2 ด้านให้คิด การคิดก็มี 2 ด้าน ทั้งการคิดบวก และคิดลบซึ่งการคิดบวกเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เราหมดทุกข์ แต่หากไม่อยากทุกข์

ก็ต้องคิดลบ แต่ เป็นการคิดลบในเชิงของการป้องกัน วางแผน ก่อนลงมือทำหัวหน้างานที่ดี นอกจากการเปิดใจรับฟังแล้ว ก็ต้องนำมาข้อมูล

มาคิด มาวางแผน ซึ่งการวางแผนก็ต้องมีการประชุมเพื่อหาข้อมูลก่อนตัดสินใจ เพราะหากเราไม่อยากเสียเวลาแก้ไขก็ต้องวางแผนให้รอบคอบ รอบด้าน แต่การวางแผนเยอะเกินไปก็ทำให้เราไม่กล้าลงมือทำ

ผมยังเชื่อเสมอ คิด วางแผน สำคัญ แต่ไม่เท่า ลงมือทำ สำคัญกว่าแต่หาก ไม่คิด ไม่วางแผน แล้วทำอย่างเดียว แบบนี้ เสียเวลาแก้ไขนานโข ครับคิด + วางแผน + ลงมือทำ + กล้ายอมรับผลกับสิ่งที่ทำ = ประสบการณ์และเมื่อมีประสบการณ์แล้ว เราจะเห็นทางสว่างในอนาคตครับ

5.หัวหน้างานที่ดีต้องมีความเชื่อมั่นต่อลูกน้อง และเชื่อมั่นต่อปัญหาว่า ทุกปัญหาย่อมมีทางออก

ความเชื่อ นับเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะหากรับนโยบายจากผู้บริหารมาแล้วไม่มีความเชื่อ การทำงานย่อมทำไปวัน ๆ ทำอย่างไร้เรี่ยวแรง และทำอย่างไม่มีความสุข

เพราะ ส ม อ ง ถูกปิดกั้นเรียบร้อย จากความเชื่อที่คิดว่า ทำไม่ได้ และหากหัวหน้าท้อซะแล้วลูกน้องย่อมท้อตาม และสุดท้ายผลงานไม่ได้ ก็ถูกผู้บริหารตำหนิอีก คราวนี้ไปกันใหญ่เลยครับ

ดังนั้น ความเชื่อนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่เชื่อมทุกอย่าง แค่เราเปลี่ยนจากคำว่า ทำไม่ได้ เป็นเชื่อว่า เป็นไปได้ และพร้อมคิดค้นหาวิธีการเชื่อมโยงเพื่อให้งานบรรลุเป้าหมาย

หากว่าผิดพลาด ผมเชื่อว่าเราจะไม่เสียใจ เพราะทำเต็มที่ และพร้อมปรับเปลี่ยนแก้ไขผู้บริหารย่อมเข้าใจเสมอ แต่อย่าผิดพลาดในเรื่องเดิม ๆ นะครับ แบบนั้นตัวใครตัวมันครับ

6.หัวหน้างานที่ดีต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริตต่องานที่ทำ

ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน เป็นคำกล่าวที่ผมเห็นด้วยมาก ๆเพราะคนเราหากไม่ซื่อสัตย์แล้ว อยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ กลับกัน หากเราเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริต

อยู่ที่ไหน ใคร ๆ ก็อยากร่วมงาน ดังนั้น หัวหน้างานที่ดี ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตในทุก ๆ ด้านทั้งเรื่องตนเอง เรื่องงาน เรื่องครอบครัว และเรื่องสังคม เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกน้องต่อไป

7.หัวหน้างานที่ดีต้องรู้จักใช้ภาษากาย ควบคู่กับคำพูด และน้ำเสียง ในการทักทาย

การสื่อ ส า ร แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ ภาษาพูด ภาษากาย และน้ำเสียงซึ่งหัวหน้างานที่ดี ควรนำทั้ง 3 แบบนั้นไปใช้พร้อม ๆ กัน เช่นหากมีลูกน้องที่อายุมากกว่า ก็ใช้การทักทาย โดยยกมือไหว้สวัสดี

เมื่อลูกน้องคนนั้นเห็น เขาจะเกรงใจเรา เนื่องจากเราให้เกียรติต่อเขาก่อน เป็นต้นหรือ หากเรามีลูกน้องที่อายุน้อยกว่า การไหว้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเพราะประเทศไทยเราขึ้นชื่อว่า ยิ้มสวย และไหว้ สวย

การรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ไม่ใช่เรื่องผิดครับ แต่คนที่เห็นเขาจะนำไปยกย่อง และชื่นชม นะครับ เรื่องดี ๆ ทำไปเถอะ !!

8.หัวหน้างานที่ดีต้องรู้จักเดินเข้าหาลูกน้อง เดินตรวจสอบการทำงาน เดินหน้าแก้ไขปัญหา และพาทีมไปสู่เป้าหมายเดียวกัน

การทำงาน หากหัวหน้านั่งอยู่บนหอคอยอันส่งเกียรติอย่างเดียว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่างานนั้นเกิดปัญหาจากส่วนไหน อ วั ย ว ะ ใน ร่ า ง ก า ย ส่วนที่อยู่ต่ำที่สุด นั่นคือ ขา แต่ขาก็ทำให้เราสามารถโยกย้ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง

หากเราใช้ขาในการก้าวเดิน เสมือนทำงานย่อมต้องมีเป้าหมายครับ การย่ำอยู่กับที่ไม่สามารถขับเคลื่อนทีมงานไปสู่เป้าหมายได้ ซึ่งการจะไปสู่เป้าหมายได้ ก็ต้องกล้าเดิน แต่หากเดินแล้วผิดทาง ย่อมสามารถถอยหลังกลับมาตั้งหลักได้

เสมอ คนเป็นหัวหน้างานต้องรู้จักเดินเข้าหาลูกน้อง รู้จักเดินดูหน้างาน สังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว หากเจอปัญหาก็นำมาแก้ไข ไม่ปล่อยปัญหานั้นให้บานปลาย อีกทั้งยังทำให้ลูกน้องสามารถสอบถาม หรือขอคำแนะนำจากหัวหน้าได้ในทันที รู้แล้วก็เดินบ้างนะครับ จะได้แข็งแรง

9.หัวหน้างานที่ดีต้องรักในงานที่ทำ พร้อมต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามา

คนที่เป็นหัวหน้างานต้องมีใจรักในงานที่ทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะหากเรารักในงานที่ทำใจเราพร้อมยืดหยัดต่อสู้ให้งานนั้นประสบความสำเร็จ ซึ่งเราย่อมต้องถ่ายทอดความคิดนี้สู่ลูกน้องเราเพราะหากลูกน้องเรามีใจรักในงานที่ทำทุกคน เขาย่อมเข้าใจและพร้อมต่อสู้ฝ่า ฟั น ปัญหาไปด้วยกัน

10.หัวหน้างานที่ดีต้องสามารถลงมือทำให้ลูกน้องเห็นเป็นแบบอย่าง ว่าเราสามารถทำได้

หากพูดอย่างเดียว แต่ไม่ทำ ใครเขาจะเชื่อครับเหมือนสุภาษิตที่กล่าวไว้ว่า 100 คำพูด ไม่เท่ากับ 1 การกระทำ ผมว่าจริงนะครับพูด แล้ว ทำ ย่อมทำให้ลูกน้องเห็นเป็นตัวอย่าง

เช่น หากเราเป็นคนที่มาทำงานสายเป็นนิจแบบนี้จะกล่าวตักเตือนลูกน้องที่มาสาย ก็ย่อมยากครับที่ลูกน้องจะเชื่อเรามันเข้าตัว แต่หากเรามาเช้าทุกวัน แบบนี้ลูกน้องก็คงเกรงใจ และไม่ ก ล้ า ม าสาย หรือหากมาสาย

เราจะเรียกมาคุยเพื่อปรับพฤติกรรมลูกน้องคนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ตะขิดตะขวงใจ เพราะเป็นหน้าที่ของเราซึ่งลูกน้องคนนั้น คงไม่กล้าเถียง เพราะลูกพี่เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องที่ลูกน้องทำผิดพูด + ทำ ย่อมมีคุณค่าเสมอครับ

11.หัวหน้างานที่ดีต้องหัดเป็นคนที่เปิดใจรับฟังสิ่งต่าง ๆ รอบตัว

การคิดคนเดียวย่อมได้เพียงมุมเดียว แต่หากเรายอมเปิดใจฟังคนละเล็กละน้อย ข้อมูลในหัวเราย่อมมีมากขึ้นและนั่นย่อมทำให้เราได้ข้อมูลในการ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ก่อนตัดสินใจ คนที่เป็นหัวหน้างานต้องกล้าเปิดใจ

ฟังสิ่งต่าง ๆ จากคนรอบข้าง เพื่อนำมาปรับใช้ให้งานเดินหน้าต่อไป ถึงแม้บางครั้งฟังแล้วไม่ใช้ในตอนนี้แต่ใครจะรู้ว่า อนาคตอาจมีโอกาสหยิบมาใช้ก็ย่อมเป็นไปได้ อย่างน้องการฟังก็ทำให้เรามีความรู้ที่มากหากความรู้นั้นเป็นประโยชน์ ยกเว้น ความรู้ที่ไม่เป็นประโยชน์ต้องพร้อมดีดทิ้งในทันที

12.หัวหน้างานที่ดีรู้จักคิดก่อนพูด พูดในสิ่งที่ดี สร้างสรรค์

คนทุกคนมีปาก ที่จะพูดอะไรก็ได้ตามใจเรา แต่หากเราเป็นผู้นำแล้วนั้น การใช้ปากตามใจเราย่อมทำไม่ได้ครับเพราะหากตอนนั้นเรากำลังโมโหอยู่ แต่นำสิ่งที่ไม่ดีไปลงกับลูกน้อง แบบนี้ลูกน้องที่ไหนก็คงไม่อยากทำงานกับเรา

จริงไหมครับ !! ดังนั้นการใช้ปาก ต้องใช้ในทางที่ดี สร้างสรรค์ ใช้ในการบอกเล่าประสบการณ์ในการแนะนำ สอนงานต่อลูกน้องหากลูกน้องคนนั้นไม่สามารถทำงานนั้นได้ ใช้ในการชื่นชมลูกน้อง ขอบคุณลูกน้อง ให้กำลังใจลูกน้องและให้คำแนะนำในการปรับปรุงตนเอง เป็นต้น แบบนี้ดีกว่าเยอะครับ

13.หัวหน้างานที่ดีต้องคิดเสมือนเราเป็นเจ้าขององค์กร รู้จักทำงานเชิงรุกและมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงาน

การที่องค์กรแต่งตั้งเราขึ้นมานำคนอื่น ๆ นั้น เขาย่อมเห็นคุณค่าในตัวเรา และคาดหวังให้เราช่วยคิด วางแผนในการขับเคลื่อนคน เพื่อให้เกิดผลของงานบรรลุตามเป้าหมายขององค์กร ดังนั้น คนที่เป็นหัวหน้างาน

จำต้องเข้าใจในบทบาท เข้าใจในสิ่งที่องค์กรกำลังก้าวเดิน เข้าใจวิสัยทัศน์ พันธะกิจ ขององค์กรและสามารถนำมาเป็นแผนงานที่สามารถเดินหน้าตามแผนได้ในทุก ๆ วัน

14.หน้างานที่ดีต้องรู้จักยิ้มแย้มแจ่มใสต่อหน้าลูกน้องและคนอื่น ๆ ที่ร่วมงาน

คนบางคนอาจเป็นเสือยิ้มยากโดยพฤติกรรม แต่พฤติกรรมก็ย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอหากเราเข้าใจในบทบาทของการเป็นผู้นำ เพราะการเป็นผู้นำ ต้องเป็นคนที่สามารถเข้าถึงได้ในทุก ๆ คน

ทุก ๆ ระดับ ไม่มีอีโก้ ดังนั้นสิ่งที่จะลดอีโก้ตนเองได้นั้น ต้องรู้จักเป็นคนที่สดชื่น ยิ้มแย้มแจ่มใสอาจไม่ต้องถึงกับเป็นคนที่ตลก แต่ต้องทำให้ลูกน้องสบายใจที่จะเข้ามาพูดคุย ปรึกษาทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

เพราะเมื่อไหร่ ที่ลูกน้องกล้าที่จะเดินเข้ามาหา ผมเชื่อว่า ปัญหาย่อมคลี่คลาย ไม่ทำให้ปัญหามีผลกระทบต่อคน ๆ นั้น ในระยะยาว ซึ่งหน้าที่ของคนเป็นหัวหน้าก็ต้องพร้อมแก้ไขปัญหาร่วมกันดังคำว่า มีสุข คูณ สอง แต่มีทุกข์ต้อง หาร สอง ครับ

15.หัวหน้างานที่ดีต้องมีความคิดที่ดีทั้งเรื่องงาน เรื่องคน ทั้ง ต่อหน้าและลับหลัง

เริ่มต้นจาก “หัว” นั่นคือต้องมีความคิดที่ดีต่อคนรอบข้างและรู้จักคิดก่อนพูด ก่อนทำหากเรามีหัวที่คิดดี พูดดี ทำดี พฤติกรรมเราย่อมสะท้อนด้านดี เช่น การพูดชม หรือ ตำหนิ

ก็ต้องคิดเพื่อใช้คำพูดให้เหมาะสมกับคนนั้น ๆ การพูดชม ก็ควรพูดต่อหน้าลูกน้องคนอื่น ๆเพื่อให้เขาเห็นว่า หากเราทำดี หัวหน้าพร้อมชมเชยเสมอแต่หากเป็นการตำหนิ ก็ควรเรียกมาคุยเป็นการส่วนตัว มากกว่าตำหนิต่อหน้าคนอื่น ๆ ให้เขาเสียหน้า เป็นต้น

ที่มา : drfish.training

Load More Related Articles
Load More By adminjing
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

8 วิธีทำให้คนนับถือคุณ หลักๆ อยู่ที่การวางตัว

ไม่ใช่แค่กลุ่มคนทำงาน แต่พวกเราทุกคนต่างต้องอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุ…