
6.“พูดได้ขายของเป็น”…ถ้าพูดไม่ได้และขายของไม่เป็น อย่าริเป็นเถ้าแก่
ยกเว้นคุณจะมีหุ้นส่วนที่ทำได้ การทำธุรกิจทุกอย่าง หนีไม่พ้นการขาย
การนำเสนอ การขายฝึกได้ เพราะไม่ใช่เรื่องพรสวรรค์ วิธีเริ่มฝึกนักขายที่เก่ง
คือ เริ่มศึกษาสินค้าที่จะขายให้รู้จริง รู้ลึก รู้กว้าง จากนั้นการขายจะไม่ใช่เรื่องยาก
7.“รู้จักใช้เครื่องทุ่นแรง”…ใช้เครื่องจักร ใช้ลูกน้อง ใช้เทคโนโลยี
…ถ้าเป็นเถ้าแก่แล้วใช้แต่ตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกับการเปลี่ยนที่ทำงาน คือ
จากกรรมกรในบริษัทมาเป็นกรรมกรอิสระ (หนักกว่าเดิม)
4.“มีนิสัยให้ก่อนค่อยรับ”…ถ้าเป็นลูกน้อง ต้องการรับก่อนทำงาน เขามักถามว่า
ฉันจะได้เงินเดือนเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แสดงฝีมือทำงานเลย
ส่วนเถ้าแก่จะบอกว่า ชิมก่อน ถ้าไม่ดีไม่ต้องจ่ายเงิน
5.“ ก ล้ า ม องการณ์ไกล”…คนส่วนใหญ่ชอบมองใกล้เพราะมันดูปลอดภัย
ลูกจ้างรายวัน มองผลตอบแทนสิ้นวัน ได้เงิน 300 บาท ลูกจ้างประจำ
มองผลตอบแทนสิ้นเดือน ได้เงินหลักหมื่น ส่วนเถ้าแก่มองผลตอบแทนธุรกิจ
มองเป็นปี เพื่อเงินหลักแสน หลักล้าน – มองไกล รอได้ เพื่อเงินก้อนใหญ่
2.“รับผิดชอบเงินตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย”…เถ้าแก่ทุกคนต้องบริหารรายรับรายจ่ายได้ดี
คนสมัยนี้เป็นเถ้าแก่ยากเพราะใช้ชีวิตติดหนี้ตั้งแต่เริ่มทำงาน…ชีวิตหนี้!!
3.“ชอบทำอะไรแตกต่าง”…ถ้าชอบทำเหมือนคนอื่น อย่าเปิดธุรกิจเลย มันเหนื่อยเปล่า
เถ้าแก่ต้องกล้าทำในสิ่งที่ไม่มีใครทำ ลูกจ้างชอบการแข่งขัน แต่เถ้าแก่ชอบทำสิ่งที่ไม่ต้องแข่งกับใคร
1.“ชอบหาเงินมากกว่าชอบใช้เงิน”…ถ้าชอบใช้เงินต้องไปเกิด
เป็นลูกเถ้าแก่เพราะตัวเถ้าแก่ต้องมีนิสัยชอบหา รู้ค่าของเงิน
(ผมชอบคบคนรวย ถ้าคบผิวเผิน คุณจะเห็นแค่เปลือก คือ เห็นว่าเขาใช้เงินยังไง
: ถ้าเราใช้เงินตามคนรวย เราจะซวย!! แต่ผมชอบคบถึงแก่น
คือ คบจนรู้ว่าเขาทำงานหาเงินกันยังไง : อันนี้ถ้าเราปรับให้หาเงินตามแบบเขา เราจะรวย)
ที่มา : p o s t t o d a y