Home ข้อคิดสอนใจ 9 สิ่งที่พ่อแม่ มักทำให้ลูก”เป็นเด็กไม่รู้จักโต”

9 สิ่งที่พ่อแม่ มักทำให้ลูก”เป็นเด็กไม่รู้จักโต”

8 second read
0
0
321

อย่างไรก็ดี เพราะพ่อและแม่คือคนที่รักและหวังดีกับลูกมากที่สุด แต่ในบางครั้งความหวังดีของคุณอาจย้อนกลับมา ทำ ร้ า ย ลูกอย่างไม่ได้ตั้งใจซึ่งกว่า คุณจะรู้ตัวก็

อาจสายเกินแก้แล้วโดยเฉพาะ 9 พฤติกรรมต่อไปนี้ ที่พ่อแม่ควรเลิกทำถ้าอยากให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี

1. ปลุกลูกไปโรงเรียนตอนเช้าทุกวัน

เรียกได้ว่ากิจวัตรประจำวันของคุณ แม่ที่ต้องทำทุกเช้า คือการปลุกลูกเพื่อไปโรงเรียน ซึ่งความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกให้ตั้งนาฬิกาปลุกและจัดสรรเวลานอน

ให้เหมาะสมเพื่อให้เขาได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับตารางชีวิตของตัวเอง

2. ทำ อ า ห า ร เช้าหรือ อ า ห า ร กลางวันให้

คุณแม่หลายคน อาจเป็นห่วงว่า ลูกจะทาน อ า ห า ร ไม่อิ่มและได้รับ ส า ร อ า ห า ร ไม่ครบถ้วน จึงต้องเตรียม
อ า ห า ร ให้ลูกทุกวันถ้าคุณอยากให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ซะที

คุณก็ควรให้เขาทำ อ า ห า ร เองค่ะ ถ้าเขาทำไม่เป็นคุณแม่อาจจะต้องสอนลูกก่อนสักหน่อย

3. นำของที่ลูกลืมไปให้ถึงที่โรงเรียน

การที่ลูกโทรมา เพื่อบอกให้คุณพ่อคุณแม่นำเอาสิ่งของที่ลืมไปส่งที่โรงเรียน โดยที่คุณก็ทำตามที่ลูกสั่งทุกครั้ง ซึ่งนั่นอาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ไม่รอบคอบได้ดังนั้น

เมื่อลูกโทรมาเพื่อให้ คุณพ่อคุณแม่ทำแบบนั้นอีก โดยที่ของชิ้น นั้นไม่ได้มีความสำคัญถึงขั้น ค อ ข า ด บ า ด ต า ย อะไร ก็ควรบอกปัดเพื่อให้ลูกรู้จักมีความรอบคอบ

มากขึ้นและตรวจความเรียบร้อย ของสิ่งของ เครื่องใช้ ที่ต้องเอาไปโรงเรียนก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง

4. ซักเสื้อผ้าให้ลูก

เมื่อลูกโตพอ ที่จะทำงานบ้านได้แล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยฝึกหรือให้ลูกได้ทำด้วยตัวเอง และการที่คุณแม่ซักเสื้อผ้าให้ลูกทุกวันอาจทำให้เด็กเคยตัวและเป็นคน

ไม่มีวินัยในตัวเองหรือความรับผิดชอบ ดังนั้น หากเด็กอยู่ในวัยที่พอเรียนรู้และทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้วคุณแม่ก็ควรสอนลูกถึงวิธีการใช้เครื่องซักผ้าหรือการซักผ้าด้วยมือ

เพื่อที่เขาจะได้ฝึกทำมันด้วยตัวเอง

5. ไม่ยอมปล่อยให้ครูมาว่ากล่าว ตักเตือน หรือตีลูก

ถ้าลูกมา ฟ้ อ ง คุณว่าถูกครูตีหรือว่ากล่าวตักเตือน ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่มีอาการหัวร้อน และพร้อมจะไปเคลียร์กับครูที่โรงเรียนแต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่อยากบอกว่า

คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องใจเย็นๆ ก่อนและอาจต้องสอบถามลูก ถึงสาเหตุที่ครูทำเช่นนั้น ซึ่งหากลูก ทำความผิดจริงๆและการลงโทษไม่ได้ ร้ า ย แ ร ง จนถึงขั้น เ ลื อ ด ต ก ย า ง อ อ ก

คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องถึงขั้นไปคุย กับคุณครูเองที่โรงเรียนควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณครูที่ต้องอบรมสั่งสอนลูกของเราอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ควรทำคือ ให้คุณพ่อคุณแม่

สอนลูกแทนว่าจะต้องทำตัวอย่างไรเพื่อไม่ให้โดนครูว่าหรือตีอีก

6. ยุ่งกับการเรียน

การเป็นห่วงสนใจ ในเรื่องเรียน หรือความเป็นอยู่ที่โรงเรียนของลูกไม่ใช่เรื่องผิดหรอกที่ แต่การที่คุณพ่อคุณแม่ไปบงการหรือกำหนดเส้นทางการเรียนโดยไม่ให้เขามีสิทธิ

คิดหรือตัดสินใจด้วยตัวเอง นั่นอาจจะทำให้ลูกของคุณไม่โตเป็นผู้ใหญ่เสียที

7. ทำการบ้านให้

สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ชอบทำการบ้านให้ลูกเป็นประจำ ควรเลิกทำแบบนี้ปอย่าง เ ด็ ดข า ด เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี้จะทำให้ลูกไม่ได้ฝึกคิดหรือเรียนรู้อะไรเลย

ซึ่งถ้าไม่อยากให้ลูกเติบโตมาแบบไม่มีความรู้ใน ส ม อ ง ก็อย่าทำร้ า ยลูกทางอ้อมแบบนี้เลยค่ะ

8. ยอมให้ลูกหยุดเรียน

เพราะเด็กบางคนอาจมีอาการ ป่ ว ย การ เ มื อ ง เนื่องด้วยสาเหตุหลายๆ อย่าง อาจจะเกิดจากวิชาเรียนและการบ้านต่างๆ ซึ่งวิชาเรียนอาจง่ายเกินไป ทำให้เด็กเกิดความเบื่อ

หรือวิชาเรียนอาจ ยากจนเกินไป ทำให้เด็กเกิดความกดดันว่า ไม่ฉลาดเท่าเด็กคนอื่นๆ สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรทำคือ อย่าถามลูกว่าทำไมถึงไม่อยากการไปโรงเรียนเนื่องจาก

เด็กมักจะไม่รู้ คำตอบ เมื่อเด็กไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ก็จะเป็นการทำให้เด็กเกิดความรู้สึก เ ค รี ย ด แทน ทั้งนี้พ่อแม่ผู้ควรบอกเด็กว่าความกลัวไม่ช่วยอะไรหากแต่เด็กควร

เอาชนะความกลัว ให้ได้ควรเปิดใจให้กว้างในการรับฟังความรู้สึกของลูก

9. ขีดเส้นชีวิตให้ลูก

กำหนดกฎเกณฑ์ ข้อปฏิบัติต่างๆ ให้ลูกเดินตามทางที่พ่อแม่ปูไว้ ซึ่งนั่นอาจเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ลูกมีวินัย แต่ในทุกๆ กฎที่พ่อแม่ตั้งไว้ก็ควรให้ลูกรับรู้ด้วย พร้อมให้ลูก

มีส่วนร่วมในการขีดเส้น ชีวิตของตนเอง และต้องปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะทำบางสิ่งด้วยตัวเองบ้างค่ะ

เพียงเท่านี้ความสำเร็จ ในชีวิตลูกก็จะอยู่ไม่ไกลสุดท้ายนี้ การเลี้ยงลูกที่ถูกต้องจะต้องอย่าให้ลูกเปราะบางจนเกินไป เหมือนไข่ในหิน อย่าเลี้ยงลูกให้เห็นแก่ตัว ต้องเลี้ยงลูก

ให้โตไปตามวัย อย่าให้กินยากอยู่ยาก อย่าให้ลูกกลัวในสิ่งที่ ไ ร้ ส า ร ะ โดยพ่อแม่ ควรเริ่มต้นสร้างนิสัยเด็กด้วยการทำให้ตัวเอง ให้เป็นแบบอย่างพร้อมกับฝึกให้เด็กรับรู้

และรู้จักรับผิดชอบด้วยตัวเอง รวมทั้งเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้รวมถึงฝึกฝน นั่นจะทำให้เด็กสามารถหาแนวทางดำเนินชีวิตตามบทบาทและหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี

ขอขอบคุณ k r u u p d a t e. c o m

Load More Related Articles
Load More By jingjai
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

วิธีบริหารเงิน ให้มีกินมีใช้ “ไม่เป็นหนี้”

การออมที่ดี คือ การออมอย่างมีความสุข ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบากแต่การใช้เงินอย่างไร ให้…