![](https://jingjai999.com/wp-content/uploads/2023/04/2-22-850x491.jpg)
ด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ หลายคนคงจะหวั่นกับ ค ว า ม เ สี่ ย ง ที่จะตกงาน หรือ
ถูกเลิกจ้างเป็นอย่างมาก หรือแม้แต่บางคนที่ตัดสินใจลาออกจากเองเพราะรู้สึก
ไม่มีความสุขกับการทำงาน แต่ก็ต้องมานั่งกลุ้มใจทีหลังกับค่าใช้จ่ายและภาระ
หนี้สินที่แบกไว้ วันนี้เราจะมาบอกสิ่งที่ต้องทำ หลังจากออกจากงาน หรือถูกเลิกจ้าง
ว่าควรทำทำอย่างไรต่อไป
1. ตรวจสอบสภาพการเงินของคุณ
เมื่ออยู่ในสถานะว่างงาน การตรวจสอบสภาพการเงินของคุณ ในปัจจุบันจึงเป็น
สิ่งสำคัญคุณต้องคำนวณถึงรายจ่ายและภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายทุกเดือน และ
มองหารายได้ที่ยังเหลืออยู่ว่าเพียงพอหรือไม่ อย่างไรเพื่อที่คุณจะได้เตรียมตัว
และรับมือกับสถานการณ์การเงินของคุณได้ถูกต้อง รายจ่ายไหนที่ไม่จำเป็น
ก็ให้เอาออกไป เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้สมดุลกับการเงินปัจจุบัน
2. ติดต่อประกันสังคม
หากคุณว่างงาน สิ่งแรกที่จะต้องทำ คือการจัดการเรื่องประกันสังคม ให้เรียบร้อย
ไม่ว่าจะว่างงาน จากการลาออกเองหรือถูกไล่ออก ต้องรีบไปติดต่อสำนักงาน
ประกันสังคมเพื่อรักษาสิทธิและประโยชน์ที่เราพึงจะได้รับ
3. เคลียร์เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
สำหรับเรื่องเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หากคุณเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
คุณก็จะได้ประโยชน์จากเงินสะสม โดยสามารถรับเป็นเงินก้อนได้เวลาออกจากงาน
ก็จะมีเงินก้อนไว้สำรองเลี้ยงชีพ แต่หากคุณยังไม่ได้จำเป็นที่จะใช้เงินก้อนนี้
ก็อาจจะคงเงินไว้ในระบบก่อนเพื่อรอ โ อ น ย้ า ย ไปยังกองทุนของบริษัทใหม่
ในอนาคตแต่หากคุณออกจากกองทุนโดยที่ยังไม่เกษียณอายุ คุณอาจจะเสีย
ผลประโยชน์จากเงินสมทบที่จะได้รับไม่เต็มจำนวนดังนั้นควรศึกษาเงื่อนไขต่าง ๆ
อย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เสี ยเปรียบผลประโยชน์ที่คุณควรจะได้รับ
4. เปลี่ยนพฤติกรร มการใช้เงิน
หลังจากตรวจสอบ การเงินของคุณเรียบร้อยแล้ว คุณจะทราบถึง ทิศทางการเงินของคุณ
ระหว่างรายได้กับรายจ่าย แน่นอนว่ารายได้ของคุณลดลงดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้เงินอย่างเร่งด่วนต้องลดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยออก
ไปให้หมด และจ่ายให้น้อยลงสำหรับ สิ่งที่จำเป็นในส่วนของค่าใช้จ่าย หรือภาระหนี้สิน
ที่คุณต้องจ่ายนั้น ให้เลือกลดเป็นอันดับสุดท้ายเพราะมันจะมีผลกระทบต่อเครดิต
และความน่าเชื่อถือของคุณ เป็นการเรียงลำดับความสำคัญในการเลือกที่จะใช้จ่ายนั่นเอง
5. มองหางานใหม่
หลายคนเมื่อว่างงาน ก็มักจะรีบเร่งหางานใหม่ทันที โดยที่ไม่ได้มองถึง
ความชอบของงานจริงๆ กลายเป็นว่าทำได้ไม่นาน ก็ต้องลาออกมาหางานใหม่
อีกเหมือนเดิมแน่นอนว่าการหางานที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข กับเพื่อน
ร่วมงานและสภาพแวดล้อมที่ทำงานดีๆ รวมถึงผลตอบแทนที่น่าพอใจนั้น
หายากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรการจะทำงานและอยู่กับมันให้ได้นานๆ
ก็ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก คือ เนื้ อง หาของงาน รายได้ และผู้ร่วมงาน
หากใครมีความพอใจต่อสิ่งเหล่านี้ได้ 2 ใน 3 อย่าง ก็จะสามารถทำงานนั้น
ได้อย่าง ย า ว น า นและไม่ต้องเปลี่ยนงานบ่อยๆดังนั้นเราควรที่จะมองหา
สิ่งที่ตรงกับความต้องการ ของตัวเองและสามารถอยู่กับมันได้นาน ๆ
โดยที่ไม่ต้องกลับมาตกอยู่ในสถานะว่างงานอีก
6. เก็บรักษาเงินก้อน
หากว่างงาน และได้เงินก้อน อย่าเพิ่งรีบร้อนใช้เงินเงินก้อนนี้ หรือแม้แต่
จะนำไปปลดหนี้ เพื่อหวังลดภาระหนี้สินวิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับเงินก้อนนี้
อย่างชาญฉลาด คือการนำเงินก้อนนี้มาแบ่งสรรปันส่วน จัดสรรเงินเพื่อ
ให้เพียงพอต่อการดำรงชีพและการจ่ายคืนหนี้ได้ตามกำหนด ไว้ว่าจะเป็น
ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันค่าบ้าน ค่างวดรถ ค่าบัตรเครดิต และอื่นๆ
คุณควรที่จะกันเงินสำรองนี้ รวมถึงเงินส่วนอื่นๆ ที่จะทำให้คุณสามารถ
ใช้ชีวิตได้ตามปกติไปอีก 6 เดือนเป็นอย่างน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะ
สามารถอยู่ได้อย่างปกติ จนกว่าจะหางานใหม่ทำได้
7. ทำงานฟรีแลนซ์
หลายคนมีความฝันที่อยากจะทำงานอิสระ ไม่ต้องไปเป็นลูกน้องรับคำสั่งจากใคร
หรือคอยรองรับอารมณ์ใคร แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเป็นได้ อย่างที่หวังด้วยเหตุผล
เรื่องความมั่นคง และความแน่นอนของรายได้ จึงทำให้หลายคนไม่กล้าที่จะ
ออกมาใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการดังนั้นเวลาว่างงาน จึงเป็นโอกาสสำคัญ
ที่จะทำให้เราได้ลองทำในสิ่งที่อยากจะทำ และยังเป็นการหารายได้ให้ตัวเอง
โดยอาจจะเริ่มจากรับงานฟรีแลนซ์เล็กๆ ที่สามารถทำคนเดียวได้ และ
เมื่อพบลู่ทางจะได้สามารถนำมาเป็นอาชีพหลักที่สร้างรายได้หลักให้กับเรา
โดยทีไม่ต้องกลับไปเป็นพนังงานเงินเดือนอีกต่อไป
8. พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
ถึงแม้ว่าเรากำลังตกอยู่ในสถานะคนว่างงาน ก็ใช่ว่าเราจะต้องปล่อยเวลาทิ้ง
ไปให้เปล่าประโยชน์ หรือตระเวนหาแต่งานใหม่ จนลืมไปว่าสิ่งสำคัญอีกอย่าง
ในการที่จะเริ่มต้นการทำงานใหม่คือ ศักยภาพที่สูงขึ้นของเราเองเราควรมี
การพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องของภาษาต่างประเทศหรือทักษะ
การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ
การทำงานในทุกสายงานปัจจุบันไปแล้วนอกจากนี้ การพัฒนาศักยภาพตัวเอง
ในด้านวิชาชีพตามความต้องการในสายงานที่จะทำ ก็จำเป็นและมีผลต่อ
การพิจารณารับเราเข้าทำงานเป็นอย่างมากเราจึงไม่ควรปล่อยช่วงเวลา
ไปโดยเปล่าประโยชน์ ใช้เวลาที่ว่างงานนี้แหละ มองหาโอกาสพัฒนา
ตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมกับการทำงานในอนาคต
ขอบคุณที่มา : คุณมนตรี ศรีวงษ์