Home ข้อคิดสอนใจ 12 นิสัยที่ไม่ควรใช้ ในที่ทำงาน

12 นิสัยที่ไม่ควรใช้ ในที่ทำงาน

6 second read
0
2
27,473

1. คนไทยเป็นคนสบาย ๆ แต่ก็ไม่ควรสบายในเรื่องการนัดหมาย

ไม่ว่าจะนัดหมายให้มาถึงที่ทำงาน, นัดหมายส่งงาน หรือนัดพบตามธรรมดาก็

ตาม ม า ร ย า ท ที่พึงมีคือ การมาก่อนเวลาหรือมาตรงเวลา แบบ “นัดสากล”

อย่าเลทแล้ว พ ย า ย า ม หาข้อแก้ตัว ทำตัวสบาย ๆ แบบ “นัดไทย” ถึงแม้

คุณและอีกฝ่ายจะยิ้มต่อกัน ก็ไม่ช่วยให้ความรู้สึกและความน่าเชื่อถือดีขึ้นมา

2. นอบน้อม ตกปากรับคำอย่างดี แต่ไม่ตั้งข้อสงสัยก่อนทำหรือทำไม่ได้

วัฒนธรรมการนอบน้อมต่อผู้ที่สูงกว่าด้วยวัยวุฒิหรือคุณวุฒิก็ตามเป็นสิ่งที่ดี

แต่ไม่ควรลามมาถึงระบบการทำงาน อย่าเอาหน้าไว้ก่อนแล้วต้องมาบ่นอุบทีหลัง

จงซื่อสัตย์กับตัวเองและคนอื่น มีข้อสงสัยอะไร หรือขัดข้องตรงไหน ให้รีบถาม

โดยทันที เพราะการทำงานต้องอาศัย teamwork ทุกคนล้วนแต่มีสิทธิมีเสียงเท่ากัน

3. นินทาเพื่อนร่วมงาน เก่งแต่ วิ พ า ก ษ์ วิ จ า ร ณ์ อย่างลับ ๆ

คันปากแค่ไหน อยากเม้าท์เพียงใด ขอให้มันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือสถานที่

และเวลาในการทำงาน การจับกลุ่มนินทานอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

ต่อหน้าที่การงาน ยังเป็นการสร้าง ศั ต รู โดยไม่จำเป็นอีกด้วย ถึงแม้คน ๆ นั้น

จะต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ไม่สามารถเดาได้ว่ากำลังพูดอะไรอยู่ แต่อย่าลืมว่า

สีหน้าและท่าทาง เป็นภาษาสากลที่ฟ้องได้ชัดเจนในทางกลับกัน ถ้าแน่ใจว่า

ไอเดียของตัวเองดีกว่าจริง ก็อย่าเจ๋งในที่ลับด้วยการแอบ วิ พ า ก ษ์ วิ จ า ร ณ์

อยู่ข้างหลัง เสนอความเห็นกันตรง ๆ ซึ่งหน้าไปเลย ให้ พ ย า น คนอื่นช่วยตัดสิน

ให้รู้ดำรู้แดงไปเลยว่าใครเจ๋งจริง ใครแค่โม้

4. ยิ้มหรือหัวเราะไปงั้น ๆ ไม่รู้จะพูดอะไร

ถึงเมืองไทยจะเป็น ส ย า ม เมืองยิ้ม แต่ในบริบทการสนทนากันโดยเฉพาะ

เรื่องงานที่ต้องการ แ ช ร์ ไอเดีย เสนอความคิดเห็น ถ้าถูกจี้ให้ตอบก็ไม่ใช่

เรื่องเสียหายที่จะตอบไปตรง ๆ เลยว่าตอนนั้นคุณคิดอะไรหรือไม่มีไอเดีย

มันดีกว่ายิ้มหรือหัวเราะไปงั้น ๆ ที่เป็นท่าทีดูไม่ออกว่าคุณเห็นดีเห็นงามด้วย

หรือกำลัง หั ว เ ร า ะ เ ย า ะ กลบเกลื่อนอยู่ เลือกทำอะไรสักอย่าง

ที่ชัดเจนจะดีกว่า

5. ขี้เกรงใจ ขี้อาย สงบเสงี่ยมเจียมตัว พอใจในสิ่งที่มีอยู่

ถึงแม้การทำตัวเรียบร้อยจะทำให้เราดูน่ารักและความพอใจในสิ่งที่มีอยู่

จะเป็นเรื่องดีต่อชีวิต แต่อย่าลืมว่าในการทำงานที่อาศัย teamwork ก็

ต้องการผู้กล้าหลายคนเพื่อผลักดันงานให้ก้าวหน้า เก็บนิสัยรัก comfort zone

นี้ไว้ในเรื่องส่วนตัวเถอะ เรื่องงานยังต้องการความ ท ะ เ ย อ ะ ท ะ ย า น

ต้องการความสามารถมา แ ช ร์ กันอีกเยอะ

6. อยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่น สักนิดนึงก็ยังดี

เวลางานก็คือเวลางาน สิ่งที่ควรโฟกัสก็คือจะทำอย่างไรให้งานเสร็จไว

ตรงเป้าหมาย ได้คุณภาพ อะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวค่อยไว้หลังเลิกงานก็ได้

อย่าสร้างนิสัยเสียด้วยการแอบเปิดโซเชียลเช็คข่าวสักนิดนึงก็ยังดี

ถึงจะอัพเดทมากขึ้นมันก็เท่านั้น ไม่ช่วยให้ชีวิตก้าวหน้าขึ้นแต่อย่างใด

7. สนใจแต่ความบันเทิง รื่นเริง มหรสพ

ถ้าสนใจแต่เรื่องสนุก ชีวิตก็จะมีมิติอยู่แค่ความสนุกแค่นั้น แต่ถ้าเปิดตาเปิดใจ

รับฟัง ข่ า ว ส า ร บ้านเมืองบ้าง หาบทความดี ๆ อ่ า น บ้าง นอกจากจะได้

ไอเดียดี ๆ มาปรับใช้ในการทำงานให้พัฒนามากขึ้น ชีวิตส่วนตัวก็จะดูดีขึ้นเยอะ

จากการสนใจใฝ่รู้แต่เรื่องมีคุณภาพอีกด้วย

8. หวงสูตร หวงความรู้

ย้ำอีกทีว่าการทำงานต้องอาศัย teamwork นั่นก็แปลว่า แม้จะถูกมอบหมาย

ให้เป็นหัวหน้างาน ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องทำทุกอย่างเองด้วยตัวคุณ

เพียงคนเดียว ใครที่ด้อยกว่าเราก็ฉุดให้เขาไปด้วยกัน จับมือกันทำงานด้วย

บางทีความคิดเราเพียงคนเดียวก็ใช่ว่าจะวิเศษที่สุดเสมอไปก็ได้

9. ก่อดราม่า เรียกคะแนนความเห็นใจ

ความ ส ง ส า ร เห็นใจเป็นนิสัยหนึ่งที่มนุษย์คนไหนก็มีเป็นธรรมดาเมื่อต้องเจอ

เรื่องที่สะเทือนใจสุด ๆ แต่ในการทำงานที่ต้องอาศัยความเด็ดขาด ตรงไปตรงมา

น้ำตาไม่สามารถช่วยอะไรให้ดีขึ้นได้ ต่อให้คุณรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมจริง ๆ ก็

ต้องมีวิธีพิสูจน์ที่ชัดเจน สอดคล้องกับกติกาของการทำงานมากที่สุดในทางกลับกัน

หากมีใครมาขอความเห็นใจในการทำงานก็อย่าเพิ่งใจอ่อนเด็ดขาด กฎต้องเป็นกฎ

ถ้าไม่รักษาอย่างเคร่งครัดก็เตรียมรับผิดชอบความเสียหายที่จะตามมาในภายหลัง

ให้ได้ละกัน

10. โชคลาง ความเชื่อสูงกว่าตรรกะความเป็นจริง

ความเชื่อส่วนบุคคลถึงแม้จะเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่เสียหาย ไม่ทำคนอื่นเดือดร้อน

แต่การเชื่ออะไรมากไปก็ส่งผลต่อการทำงานได้ เพราะจิตเราดันไปเชื่อมั่นกับสิ่ง

ที่มองไม่เห็น แทนที่จะโฟกัสที่สิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันตามความเป็นจริง ไม่มีใครว่า

คุณหรอกถ้าคุณจะนับถือองค์เทพอะไร เชื่อในดวงแค่ไหน แต่ขอให้อยู่ในกรอบ

ของความพอดีก็แล้วกัน

11. พ ย า ย า ม หาช่องทางซิกแซก

ทางลัดเป็นสิ่งที่ใครหลายคนชอบเพราะมันไม่ต้องเหนื่อยมาก ทางลัดที่เป็นวิธี

ที่ไม่เอาเปรียบใคร ไม่เบียดเบียนใครยังพอจะเรียกว่าเทคนิคได้ ยกเว้นการ พ ย า ย า ม

หาช่องทางซิกแซ็ก เช่น การหาช่องโหว่ทาง ก ฎ ห ม า ย, หั ว ห ม อ ในกฎของบริษัท

โดยลืมนึกถึงผลกระทบ แบบนี้เขาเรียกกว่า “เห็นแก่ตัว”เพื่อเซฟตัวเอง และ

เซฟคนอื่น ควรทำให้ทุกอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้จะดีที่สุด

ถึงบางอย่างจะเหนื่อยหน่อยที่หาทางลัดไม่ได้ แต่ผลลัพธ์มันก็น่าภูมิใจและ

ใสสะอาดเสมอ

12. เต็มที่กับวันหยุดและสวัสดิการ มากกว่าวันทำงานและการทำหน้าที่

ถึงเวลาทำงานเมื่อใดก็แอบเข้าสายนิด ๆ ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ทำงาน

แบบผัดวันประกันพรุ่ง ชะล่าใจว่าเดี๋ยวเงินเดือนก็ออก เดี๋ยวก็เลิกงานแล้ว

แต่วันหยุดหรือเวลาเลิกงานกลับร่าเริงเต็มที่ ดึกเท่าไหร่ไม่ว่าขอให้ได้สนุกไว้ก่อน

ถ้าคุณใช้ชีวิตเต็มที่แบบ play hard, work hard ไม่มีส่วนใดมากกว่า

ส่วนใดเกินไป ปัญหางานค้างหรือเวลาพักผ่อนน้อยแทบจะไม่มีในชีวิตเลย

และไม่ต้องมาหัวเสียกับการบ่นแต่เรื่องงานซ้ำ ๆ เดิม ๆ อีกด้วย

อย่าทะนงตัวว่าเราดีกว่าคนอื่นเสมอไป ตราบใดที่เรายังต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น

เราก็เป็นเพียงแค่หน่วยหนึ่งในสังคมอันกว้างใหญ่เท่านั้น โลกนี้ใครก็มีสิทธิ

มีเสียงเท่ากันหมด แต่ใครจะมีคุณค่าเพียงใด สำคัญที่การสร้างด้วยตัวเอง

ไม่ใช่เสียงตอบรับจากคนอื่นเป็นหลัก

ขอขอบคุณ jeeb

Load More Related Articles
Load More By jingjai
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

วิธีบริหารเงิน ให้มีกินมีใช้ “ไม่เป็นหนี้”

การออมที่ดี คือ การออมอย่างมีความสุข ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบากแต่การใช้เงินอย่างไร ให้…