![](https://jingjai999.com/wp-content/uploads/2023/05/3-9-850x491.jpg)
พ่อแม่ส่วนใหญ่เคยผ่านความลำบากมาก่อน จึงไม่อยากให้ลูกต้องพบเจอกับ
ความลำบากเหมือนตัวเองเจอมา จึง พ ย า ย า ม เลี้ยงลูกให้ได้รับความสบายมากที่สุด
อยากได้อะไรก็หาให้หมดจนทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่ต้อง พ ย า ย า ม อะไรก็ได้
ทุกอย่างที่ต้องการมาแล้วซึ่งการเลี้ยงลูกแบบนี้ จะส่งผลใน ร ะ ย ะ ย า ว
และกลายเป็นปัญหาให้ลูกเองเมื่อเขาโตขึ้น เขาจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้
“กลายเป็นคนไม่รู้จักความลำบาก” ดังนั้นหากพ่อแม่รักลูกจริง ๆ ต้องขี้เกียจ
ใน 3 เรื่องนี้ โดย วิ จั ย จากต่างประเทศได้เผยว่า 3 เรื่องต่อไป หากผู้เป็นพ่อแม่
สามารถเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยน้อยที่สุด จะยิ่งส่งผลดีกับลูกมากที่สุด!
1. ขี้เกียจช่วยลูกทำงานบ้าน
คุณแม่ท่านหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ของตัวเองว่า.. เธอไม่เคยสอนหรือช่วย
ทำการบ้านให้ลูกของเธอเลย แม่จะบอกลูกแค่ว่า ให้ทำการบ้านเวลาไหน
ควรทำเวลาไหนแล้วก็ไล่ให้ลูกไปทำพอทำเสร็จก็ค่อยบอกแม่ และเธอก็จะ
ไม่ตรวจสอบว่าลูกทำถูกต้องหรือไม่ เพราะการตรวจสอบนั้นมันเป็นหน้าที่ของลูก
หรือให้รู้ว่าถูกผิดจากที่โรงเรียนคุณแม่แค่เซ็นชื่อให้เท่านั้นเองช่วงแรก ๆ
ลูกของเธอก็แสดงอาการไม่พอใจ และพูดว่า “ทำไมแม่ถึงขี้เกียจแบบนี้.. แม่คนอื่
นขาช่วยตรวจการบ้านให้ลูกกันทั้งนั้น” เธอจึงตอบลูกไปว่า “ที่แม่ไม่ตรวจ
การบ้านลูก ไม่ใช่เพราะแม่ขี้เกียจหรอกนะ แต่ลูกลองคิดดูสิ ถ้าแม่ตรวจให้
แล้วลูกจะรู้ได้ไงว่าตัวเองทำผิดตรงไหน แล้วตอนสอบเวลาลูกทำผิด จะรู้ไหมว่า
ผิดตรงไหนลูกต้องฝึกตรวจความถูกต้องด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเองเพรา
ะในห้องสอบไม่มีใครช่วยลูกตรวจได้” จำไว้นะลูกว่า.. ตอนลูกอยู่ในโรงเรียน
ลูกจะได้รับบทเรียนก่อนแล้วถึงได้ทำข้อสอบ แต่สำหรับในโลกความจริง.. ลูก
จะต้องเจอบททดสอบก่อนถึงจะได้บทเรียนการที่เธอขี้เกียจสอนการบ้าน
หรือช่วยลูกทำการบ้าน ทำให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองได้มากที่สุด ลูกจะได้รู้จัก
พึ่งพาตัวเอง ก่อนที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเสมอ หากคิดไม่ออกหรือ
ทำไม่ได้ ค่อยมาขอคำแนะนำจากแม่ได้
ผลปรากฎว่า : สำหรับพ่อแม่ที่มีนิสัยขี้เกียจตีกรอบความคิดให้ลูก แต่
ปล่อยให้ลูกคิดเองอย่างอิสระ หรือทำทุกอย่างด้วยการตัดสินใจของตัวเอง
ได้อย่างอิสระ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังให้ความสนใจลูกและคอยดูอยู่ห่าง ๆ
จะทำให้ลูสามารถเผชิญกับปัญหาได้ดี เขาจะมีภูมิคุ้มกัน มีปีกที่แข็งแรงพอ
และอยู่ได้ด้วยตัวเอง แม้วันหนึ่งคุณจะไม่ได้อยู่ปกป้องเขาแล้วก็ตาม
2. ขี้เกียจขยับมือ สอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตนเอง
พ่อแม่ต้องขี้เกียจตามเก็บกวาดให้ลูกทุกอย่าง ควรปล่อยให้เขารู้จักพึ่งพาตัวเองบ้าง
บางสิ่งที่ลูกสามารถทำเองได้ ไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปช่วยทุกครั้งไป เช่น ห้อง
นอนลูกที่ดูไม่เป็นระเบียบแค่เตือนให้เขารู้ตัวว่าต้องทำ แต่ไม่ต้องไปทำให้ลูกเราควร
จะเน้นไปที่การสอนให้ลูกดูแลความสะอาดบริเวณพื้นที่ส่วนรวมของบ้าน เช่น
ห้องรับแขกห้องรับประทาน อ า ห า ร และเมื่อลูกเห็นว่าพื้นที่อื่นในบ้านสะอาด
เขาจะรู้สึกว่า เขาต้องทำความสะอาดห้องนอนตัวเองให้สะอาดเหมือนกัน
ผลปรากฎว่า : เมื่อพ่อแม่ขี้เกียจช่วยเหลือลูกในบางเรื่อง ส่งผลให้ลูกฝึกทำสิ่งต่าง ๆ
ด้วยตัวเอง มากขึ้น และเป็นการฝึกนิสัยพึ่งพาตัวเอง มีความรับผิดชอบต่อสิ่งรอบตัว
และจะทำให้ลูกมีความรับผิดชอบต่อตัวเองมากขึ้น เมื่อเขาโตไปจะกลายเป็นคนที่
สามารถรับผิดชอบได้ดี รู้จักหน้าที่ของตัวเอง
3. ขี้เกียจบ่น ให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ในหลายครอบครัว คนเป็นพ่อเป็นแม่ มักจะตั้งความหวังไปที่ลูกมากจนเกินไป
จนทำให้ลูกอึดอัดและกดดัน กลายเป็นไม่สนใจและไม่อยากฟังสิ่งที่เราจะพูด
แต่สำหรับครอบครัวนี้เขากลับใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในการชวนลูก
มาเล่นเกม และไม่ต้องทำการบ้านโดย
คุณแม่จะถามว่า : “ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง?” ลูกตอบ : “ขอเล่นอีก 30 นาที”
แม่ตอบกลับไปว่า : “โอเค ต้องรักษาคำพูดนะ” เมื่อถึงเวลา 30 นาที แม่เดินกลับมาดู
และยังเห็นลูกเล่นเกมอยู่ คุณแม่ก็รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังสงบอารมณ์ได้ และ
พูดกับลูกอย่างใจเย็นว่า “ปกติลูกเป็นคนรักษาคำพูดไม่ใช่เหรอ” เมื่อลูกได้ฟัง
คำพูดของแม่ ก็เริ่มรู้สึดผิดต่อสิ่งที่ทำ และเดินไปปิดสวิทช์ และ รีบไปทำ
การบ้านทันทีนี่เป็นสาเหตุมาจาก “การเป็นคนน่าเชื่อถือ” ของคุณแม่ท่านนี้
เพราะเวลาคุณแม่รับปากอะไรกับลูกไว้เธอก็จะทำตามนั้นได้เป๊ะ ๆ ไม่เคย
ผิดคำพูดกับลูก เช่น จะพาลูกไปเที่ยว จะ ซื้ อ ของเล่นให้ เธอก็ทำตามคำพูดได้ทุกครั้ง
มันแสดงให้เห็นว่า คุณแม่ท่านนี้เป็นคนที่ให้วคมาสำคัญกับการรักษาคำพูด
เป็นอย่างมาก เมื่อรับปากอะไรไว้ ก็ต้องทำให้ได้ และสอนลูกให้รู้จักรับผิดชอบ
ต่อคำพูดของตัวเอง แล้วคำพูดก็เลยดูศักดิ์สิทธิ์
ผลปรากฎว่า : พ่อแม่ที่ไม่บ่นเรื่อนเปื่อย แต่ใช้วิธีปลูกฝังจิตสำนึก ให้ลูกแทน
ใช้เหตุผลในการคุยกับลูกมากกว่าอารมณ์ สอนให้ลูกรู้จักรักษาคำพูดของตัวเอง
และทำตามที่พูดไว้อย่างเคร่งครัด ทำให้ลูกให้ความสำคัญกับคำพูดมาก
โดยที่เราไม่ต้องไปบ่นให้ เขามากมาย เขาสามารถสำนึกและคิดได้เอง
ถ้าอยากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเป็น ให้ลูกได้ลองลงมือปฎิบัติถ้าอยากให้ลูก
กล้าแสดงความคิดเห็น ให้ฝึกถามเพื่อให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น
ถ้าอยากให้ลูกมีวินัย พ่อแม่ต้องรู้จักรักษาคำพูด ถ้าอยากให้ลูกพูดเพราะ
หรือมี ม า ร ย า ท
ต้องทำให้ลูกเห็นทุกวัน
ขอบคุณที่มา : l i e k r .