Home ข้อคิดสอนใจ พ่อแม่ต้อง “เกียจ 3 ข้อ” ถ้าอยากเห็นลูกมีอนาคตที่ดี ช่วยเหลือตัวเองเป็น

พ่อแม่ต้อง “เกียจ 3 ข้อ” ถ้าอยากเห็นลูกมีอนาคตที่ดี ช่วยเหลือตัวเองเป็น

3 second read
0
0
52

พ่อแม่ส่วนใหญ่เคยผ่านความลำบากมาก่อน จึงไม่อยากให้ลูกต้องพบเจอกับ

ความลำบากเหมือนตัวเองเจอมา จึง พ ย า ย า ม เลี้ยงลูกให้ได้รับความสบายมากที่สุด

อยากได้อะไรก็หาให้หมดจนทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่ต้อง พ ย า ย า ม อะไรก็ได้

ทุกอย่างที่ต้องการมาแล้วซึ่งการเลี้ยงลูกแบบนี้ จะส่งผลใน ร ะ ย ะ ย า ว

และกลายเป็นปัญหาให้ลูกเองเมื่อเขาโตขึ้น เขาจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้

“กลายเป็นคนไม่รู้จักความลำบาก” ดังนั้นหากพ่อแม่รักลูกจริง ๆ ต้องขี้เกียจ

ใน 3 เรื่องนี้ โดย วิ จั ย จากต่างประเทศได้เผยว่า 3 เรื่องต่อไป หากผู้เป็นพ่อแม่

สามารถเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยน้อยที่สุด จะยิ่งส่งผลดีกับลูกมากที่สุด!

1. ขี้เกียจช่วยลูกทำงานบ้าน

คุณแม่ท่านหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ของตัวเองว่า.. เธอไม่เคยสอนหรือช่วย

ทำการบ้านให้ลูกของเธอเลย แม่จะบอกลูกแค่ว่า ให้ทำการบ้านเวลาไหน

ควรทำเวลาไหนแล้วก็ไล่ให้ลูกไปทำพอทำเสร็จก็ค่อยบอกแม่ และเธอก็จะ

ไม่ตรวจสอบว่าลูกทำถูกต้องหรือไม่ เพราะการตรวจสอบนั้นมันเป็นหน้าที่ของลูก

หรือให้รู้ว่าถูกผิดจากที่โรงเรียนคุณแม่แค่เซ็นชื่อให้เท่านั้นเองช่วงแรก ๆ

ลูกของเธอก็แสดงอาการไม่พอใจ และพูดว่า “ทำไมแม่ถึงขี้เกียจแบบนี้.. แม่คนอื่

นขาช่วยตรวจการบ้านให้ลูกกันทั้งนั้น” เธอจึงตอบลูกไปว่า “ที่แม่ไม่ตรวจ

การบ้านลูก ไม่ใช่เพราะแม่ขี้เกียจหรอกนะ แต่ลูกลองคิดดูสิ ถ้าแม่ตรวจให้

แล้วลูกจะรู้ได้ไงว่าตัวเองทำผิดตรงไหน แล้วตอนสอบเวลาลูกทำผิด จะรู้ไหมว่า

ผิดตรงไหนลูกต้องฝึกตรวจความถูกต้องด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเองเพรา

ะในห้องสอบไม่มีใครช่วยลูกตรวจได้” จำไว้นะลูกว่า.. ตอนลูกอยู่ในโรงเรียน

ลูกจะได้รับบทเรียนก่อนแล้วถึงได้ทำข้อสอบ แต่สำหรับในโลกความจริง.. ลูก

จะต้องเจอบททดสอบก่อนถึงจะได้บทเรียนการที่เธอขี้เกียจสอนการบ้าน

หรือช่วยลูกทำการบ้าน ทำให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองได้มากที่สุด ลูกจะได้รู้จัก

พึ่งพาตัวเอง ก่อนที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเสมอ หากคิดไม่ออกหรือ

ทำไม่ได้ ค่อยมาขอคำแนะนำจากแม่ได้

ผลปรากฎว่า : สำหรับพ่อแม่ที่มีนิสัยขี้เกียจตีกรอบความคิดให้ลูก แต่

ปล่อยให้ลูกคิดเองอย่างอิสระ หรือทำทุกอย่างด้วยการตัดสินใจของตัวเอง

ได้อย่างอิสระ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังให้ความสนใจลูกและคอยดูอยู่ห่าง ๆ

จะทำให้ลูสามารถเผชิญกับปัญหาได้ดี เขาจะมีภูมิคุ้มกัน มีปีกที่แข็งแรงพอ

และอยู่ได้ด้วยตัวเอง แม้วันหนึ่งคุณจะไม่ได้อยู่ปกป้องเขาแล้วก็ตาม

2. ขี้เกียจขยับมือ สอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตนเอง

พ่อแม่ต้องขี้เกียจตามเก็บกวาดให้ลูกทุกอย่าง ควรปล่อยให้เขารู้จักพึ่งพาตัวเองบ้าง

บางสิ่งที่ลูกสามารถทำเองได้ ไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปช่วยทุกครั้งไป เช่น ห้อง

นอนลูกที่ดูไม่เป็นระเบียบแค่เตือนให้เขารู้ตัวว่าต้องทำ แต่ไม่ต้องไปทำให้ลูกเราควร

จะเน้นไปที่การสอนให้ลูกดูแลความสะอาดบริเวณพื้นที่ส่วนรวมของบ้าน เช่น

ห้องรับแขกห้องรับประทาน อ า ห า ร และเมื่อลูกเห็นว่าพื้นที่อื่นในบ้านสะอาด

เขาจะรู้สึกว่า เขาต้องทำความสะอาดห้องนอนตัวเองให้สะอาดเหมือนกัน

ผลปรากฎว่า : เมื่อพ่อแม่ขี้เกียจช่วยเหลือลูกในบางเรื่อง ส่งผลให้ลูกฝึกทำสิ่งต่าง ๆ

ด้วยตัวเอง มากขึ้น และเป็นการฝึกนิสัยพึ่งพาตัวเอง มีความรับผิดชอบต่อสิ่งรอบตัว

และจะทำให้ลูกมีความรับผิดชอบต่อตัวเองมากขึ้น เมื่อเขาโตไปจะกลายเป็นคนที่

สามารถรับผิดชอบได้ดี รู้จักหน้าที่ของตัวเอง

3. ขี้เกียจบ่น ให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ในหลายครอบครัว คนเป็นพ่อเป็นแม่ มักจะตั้งความหวังไปที่ลูกมากจนเกินไป

จนทำให้ลูกอึดอัดและกดดัน กลายเป็นไม่สนใจและไม่อยากฟังสิ่งที่เราจะพูด

แต่สำหรับครอบครัวนี้เขากลับใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในการชวนลูก

มาเล่นเกม และไม่ต้องทำการบ้านโดย

คุณแม่จะถามว่า : “ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง?” ลูกตอบ : “ขอเล่นอีก 30 นาที”

แม่ตอบกลับไปว่า : “โอเค ต้องรักษาคำพูดนะ” เมื่อถึงเวลา 30 นาที แม่เดินกลับมาดู

และยังเห็นลูกเล่นเกมอยู่ คุณแม่ก็รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังสงบอารมณ์ได้ และ

พูดกับลูกอย่างใจเย็นว่า “ปกติลูกเป็นคนรักษาคำพูดไม่ใช่เหรอ” เมื่อลูกได้ฟัง

คำพูดของแม่ ก็เริ่มรู้สึดผิดต่อสิ่งที่ทำ และเดินไปปิดสวิทช์ และ รีบไปทำ

การบ้านทันทีนี่เป็นสาเหตุมาจาก “การเป็นคนน่าเชื่อถือ” ของคุณแม่ท่านนี้

เพราะเวลาคุณแม่รับปากอะไรกับลูกไว้เธอก็จะทำตามนั้นได้เป๊ะ ๆ ไม่เคย

ผิดคำพูดกับลูก เช่น จะพาลูกไปเที่ยว จะ ซื้ อ ของเล่นให้ เธอก็ทำตามคำพูดได้ทุกครั้ง

มันแสดงให้เห็นว่า คุณแม่ท่านนี้เป็นคนที่ให้วคมาสำคัญกับการรักษาคำพูด

เป็นอย่างมาก เมื่อรับปากอะไรไว้ ก็ต้องทำให้ได้ และสอนลูกให้รู้จักรับผิดชอบ

ต่อคำพูดของตัวเอง แล้วคำพูดก็เลยดูศักดิ์สิทธิ์

ผลปรากฎว่า : พ่อแม่ที่ไม่บ่นเรื่อนเปื่อย แต่ใช้วิธีปลูกฝังจิตสำนึก ให้ลูกแทน

ใช้เหตุผลในการคุยกับลูกมากกว่าอารมณ์ สอนให้ลูกรู้จักรักษาคำพูดของตัวเอง

และทำตามที่พูดไว้อย่างเคร่งครัด ทำให้ลูกให้ความสำคัญกับคำพูดมาก

โดยที่เราไม่ต้องไปบ่นให้ เขามากมาย เขาสามารถสำนึกและคิดได้เอง

ถ้าอยากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเป็น ให้ลูกได้ลองลงมือปฎิบัติถ้าอยากให้ลูก

กล้าแสดงความคิดเห็น ให้ฝึกถามเพื่อให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น

ถ้าอยากให้ลูกมีวินัย พ่อแม่ต้องรู้จักรักษาคำพูด ถ้าอยากให้ลูกพูดเพราะ

หรือมี ม า ร ย า ท

ต้องทำให้ลูกเห็นทุกวัน

ขอบคุณที่มา : l i e k r .

Load More Related Articles
Load More By jingjai
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

วิธีบริหารเงิน ให้มีกินมีใช้ “ไม่เป็นหนี้”

การออมที่ดี คือ การออมอย่างมีความสุข ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบากแต่การใช้เงินอย่างไร ให้…