Home ข้อคิดสอนใจ คน 5 แบบ อนาคตชีวิตจะลำบาก (หากเป็นอยู่ให้รีบแก้ไข)

คน 5 แบบ อนาคตชีวิตจะลำบาก (หากเป็นอยู่ให้รีบแก้ไข)

8 second read
0
0
141

อีกไม่กี่ปีข้างหน้า หลายๆคนอาจจะต้องถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ และต้องถูกเลิกจ้าง อาจารย์ Li Kaifu เคยกล่าวเอาไว้ว่า… ” ภายใน 3-5 ปีข้างหน้าบริษัทจะเริ่มทะยอย

ปลดพนักงานออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย และ อีก 10 ปีข้างหน้า งานกว่า 50% ของมนุษย์จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ “เราก็เห็นว่า ในหลายๆโรงงาน หลายๆบริษัทเริ่มใช้หุ่นยนต์

และเครื่งอจักรทำงานแทน เป็นการลดค่าใช้จ่ายและลดปัญหาต่างๆได้มาก เพราะหุ่นยนต์ไม่เคยบ่น หากใครยังไม่คิดจะปรับตัว ก็อาจจะอยู่ยาก และลำบากมากขึ้น

คน 5 ประเภท ที่อาจจะอยู่ยากและลำบากขึ้น

1. คนที่ไม่รู้จักวิธีการ ล ง ทุ น ในตัวเอง

หลายคนมักจะถูกสอนให้รู้จักประหยัดอดออม เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้ไม่ลำบาก แต่ไม่ค่อยสอนให้รู้จักหาเงิน สร้างรายได้ให้มากขึ้นหากเราใช้เวลา 1 ปี เพื่อให้มีเงินเก็บ 1 แสน

เท่ากับว่า 10 ปี เราจะมีเงินเก็บ 1 ล้าน แต่แบบนั้นไม่ได้เรียกว่าคุณเก่ง เพราะคุณต้องใช้เวลาถึง 10 ปี เพื่อเก็บเงิน 1 ล้าน ในขณะที่บางคนอาจจะหาได้ในปีเดียว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญ

ในการนำไปสู่ความมั่งคั่ง ไม่ใช่การอดออม แต่เป็นการที่เรารู้จัก ล ง ทุ น กับตัวเองให้ถูกทาง คุณก็จะได้กลับคืนมามากกว่านั้นหลายเท่า

บางคนจ่ายเงินเพื่อ… ”ไปเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย “ จนมีไอเดียและช่องทางที่จะทำธุรกิจ ขาย อ า ห า ร เสริมสำหรับคนรัก สุ ข ภ า พ หรือเปิดยิมเป็นของตัวเอง

แถมยังมีลูกค้าที่เจอในฟิตเนสตอนไปออกกำลังกายอีก

บางคนจ่ายเงินเพื่อ… ” ออกเดินทางเที่ยวรอบโลก “ ทำให้ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น ได้เห็นธุรกิจใหม่ๆที่ต่างประเทศ ที่ไม่มีในประเทศตัวเอง แล้วก็นำกลับมาต่อยอด

ที่บ้านตัวเองเวลา จะช่วยบอกเอง ว่าเงินที่คุณ ล ง ทุ น ไปกับตัวเอง มันทำให้คุณได้อะไรกลับมาบ้าง และมันทำให้คุณมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นได้หรือเปล่า หาเงินได้เยอะขึ้นหรือเปล่า

และมันจะเป็นการ ล ง ทุ น ที่ประสบความสำเร็จ แต่ถึงมันจะไม่สำเร็จ แต่มันก็จะให้ประสบการณ์ที่หา ซื้ อ ที่ไหนไม่ได้กับคุณอยู่ดี

2. คนที่ทำงานกับคนอื่นไม่เป็น

มีบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง กำลังรับสมัครพนักงาน และมีผู้มาสมัครงาน 6 คน ก่อนรับเข้าทำงาน ทางบริษัทจึงได้ให้เงินจำนวน 75 บาท แก่ผู้สมัครงานทั้ง 6 คน เพื่อไป

ซื้ อ ข้าวกินด้วยกันในงบที่ให้ไป แต่เมื่อไปถึงร้าน ข้าวจานหนึ่งอย่างต่ำก็ 15 บาทแล้ว และเงินที่ให้มานั้นไม่พอที่จะ ซื้ อ ข้าวคนละจานได้แน่ๆ จึงพากันกลับไปที่บริษัท

และเมื่อถึงบริษัท ประธานรู้เข้าก็ถึงกลับส่ายหัว แล้วพูดว่า “ขอโทษด้วย ผมรับพวกคุณเข้าทำงานไม่ได้จริงๆ พวกคุณไม่เหมาะกับบริษัทของเรา” เหตุผลก็เพราะว่า…ร้าน

อ า ห า ร ร้านนั้นมีโปรโมชั่น ซื้ อ 5 แถม 1 ซึ่งทั้ง 6 คนไม่มีใครรู้ หรือ อ่ า น รายละเอียดเลย มันแสดงถึงความไม่ใส่ใจ และถึงแม้จะไม่มีโปรโมชั่น ก็ยังสามารถ ซื้ อ ข้าวมา 5 จาน

แล้วแบ่งใส่เพิ่มอีก 1 จานได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คน ไม่มีใครคิดว่ามาด้วยกัน จึงไม่มีความเป็นทีม มีแต่คิดถึงตัวเอง หากเข้ามาอยู่ในองค์กรก็จะไม่รู้จักการทำงานเป็นทีม

และนั่นก็คงไม่ต่างกับการทำงานแบบหุ่นยนต์

3. คนที่ทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆ

หลายคนชอบงานที่ทำแบบซ้ำๆเดิมๆทุกวัน เพราะไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้ ป ว ด หั ว เช่น การแพ็คของ เรียงสินค้า งานที่อาศัยการจับวาง ไม่ได้มีการคิดวิเคราะห์

หรือการตัดสินใจ เป็นการทำงานแบบหุ่นยนต์ ก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ที่วันหนึ่งจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ เพราะหุ่นยนต์ไม่เคยหยุดงาน ไม่อู่งาน ไม่ต้องพักกินข้าว

หรือเรียกร้องขึ้นเงินเดือน หรือสวัสดิการอะไรเพิ่ม ปัญหาก็น้อยลงตามไปด้วย

4. คนที่จบงาน ก็ไม่เรียนรู้อะไรอีกแล้ว

โดยเฉลี่ยนคนเราจะใช้เวลาทำงานวันละ 8 ชั่ ว โ ม ง ซึ่งมีคนรู้จักที่ได้ทำงานอยู่ในโกดังแห่งหนึ่ง หน้าที่ของเขาคือ การเช็คจำนวนสินค้าในคลัง ซึ่งเป็นงานง่ายๆ

ที่ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย เ สี่ ย ง ที่จะถูกหุ่นยนต์มาแทนที่ในอนาคตแต่ในการทำงานปีแรกของเขา มีของที่ถูกส่งมาเป็นจำนวนมาก และหลังเลิกงาน เขาจะใช้เวลา

ในการค้นหาข้อมูลเพิม่เติม เขาค้นพบว่า ของบางอย่างเป็นที่ต้องการในตลาดอย่งามาก และด้วยความที่เขาทำงานในแวดวงนี้ ทำให้เขาหาแหล่งผลิตที่ได้ต้นทุนในราคาถูก

จากนั้นเขาก็เริ่มสั่งสินค้ามาขายในออนไลน์ และก็ยังคงทำงานในโกดังเหมือนเดิม ผ่านไป 3 ปี ธุรกิจค้าขายออนไลน์ของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในเวลา 7 ปี เขาก็

สามารถเปิดกิจการเป็นของตัวเองได้นอกเหนือเวลาทำงาน 8 ชั่ ว โ ม ง เขายังคงทำงานและเรียนรู้เพิ่มเติม นี่คือสิ่งที่แตกต่างกับคนอื่นๆ เขาไม่เคยหยุดเรียนรู้นอกเหนือจาก

8 ชั่ ว โ ม ง ในเวลาทำงาน ทำให้เขาเติบโตและไปได้ไกลกว่าคนอื่น และด้วยยุคสมัยนี้ที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน เป็นแหล่งที่จะหาความรู้เพิ่มเติมได้ทุกวัน

มันขึ้นอยู่ที่ว่าคุณจะมองหาโอกาสและลงมือทำ หรือจะปล่อยเวลาแต่ละวันไป ได้ใช้เวลาพักผ่อนแค่หลังเลิกงานแปบเดียว ก็ต้องกลับไปทำงานเป็นลูกจ้างต่อ รอเวลา

ที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์

5. คนที่มองอะไรสั้นๆ ไม่มองไปข้างหน้า

นาย A และ นาย B ได้เข้าไปฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง และเมื่อเรียนจบ ก็ได้ไปทำงานในบริษัทนั้น แต่บริษัทได้เสนอให้ทั้ง 2 ไปศึกษาดูงานที่สำนักต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปี

โดยได้เงินเดือนแค่ครึ่งเดียว และไม่มีค่าคอมมิชชั่นให้ นาย A รู้สึกว่าเงินเดือนที่ได้ น้อยเกินไปและยังต้องลำบากไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ไม่มีเพื่อนฝูงอีก จึงตัดสินใจที่จะ

ไม่ไปในขณะที่นาย B ตัดสินใจไปศึกษางานที่ต่างประเทศ เพราะคิดว่าได้ไปหาประสบการณ์ก็คุ้มแล้ว แต่นี่ยังได้เงินเดือนอีกตั้งครึ่งหนึ่ง เมื่อผ่านไป 2 ปี นาย A ยังคงทำงาน

ที่ตำแหน่งเดิม เงินเดือนขยับขึ้นมานิดหน่อย ในขณะที่นาย B ได้กลับมาเป็นหัวหน้าคนใหม่ของบริษัท และมีรายได้หลักแสนต่อเดือน ซึ่งมากกว่านาย A ถึง 5 เท่าเรื่องนี้

ไม่ใช่ว่า นายA ตัดสินใจผิดพลาด หรือนาย B ตัดสินใจถูก แต่เป็นเพราะว่าทั้งคู่ต่างเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ในมุมมองของตัวเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่าง

จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า การตัดสินใจในอดีตของเรา จะพาเราก้าวไปข้างหน้าได้มากน้อยแค่ไหน

จากตัวอย่างที่ได้หยิบยกขึ้นมาให้ดูกัน ไม่ได้เจาะจงที่อาชีพใด หรืองานแบบไหน แต่ทุกอาชีพล้วนมีโอกาสตกงาน และมีโอกาสถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์หมด หาก

ความสามารถของคุณยังมีได้เท่าหุ่นยนต์ แต่ทัศนคติของคุณต่างหาก ที่มีความแตกต่างจากหุ่นยนต์ มันจะเป็นตัวตัดสินว่า คุณจะถูกแทนที่ หรือ ได้ไปต่อในที่นี้ยุคสมัยเปลี่ยน

เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอด เราเป็นมนุษย์ ต้องรู้จักการเอาตัว

ขอขอบคุณ bitcoretech

Load More Related Articles
Load More By jingjai
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

วิธีบริหารเงิน ให้มีกินมีใช้ “ไม่เป็นหนี้”

การออมที่ดี คือ การออมอย่างมีความสุข ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบากแต่การใช้เงินอย่างไร ให้…