![](https://jingjai999.com/wp-content/uploads/2023/04/3-17-850x491.jpg)
อีกไม่กี่ปีข้างหน้า หลายๆคนอาจจะต้องถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ และต้องถูกเลิกจ้าง อาจารย์ Li Kaifu เคยกล่าวเอาไว้ว่า… ” ภายใน 3-5 ปีข้างหน้าบริษัทจะเริ่มทะยอย
ปลดพนักงานออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย และ อีก 10 ปีข้างหน้า งานกว่า 50% ของมนุษย์จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ “เราก็เห็นว่า ในหลายๆโรงงาน หลายๆบริษัทเริ่มใช้หุ่นยนต์
และเครื่งอจักรทำงานแทน เป็นการลดค่าใช้จ่ายและลดปัญหาต่างๆได้มาก เพราะหุ่นยนต์ไม่เคยบ่น หากใครยังไม่คิดจะปรับตัว ก็อาจจะอยู่ยาก และลำบากมากขึ้น
คน 5 ประเภท ที่อาจจะอยู่ยากและลำบากขึ้น
1. คนที่ไม่รู้จักวิธีการ ล ง ทุ น ในตัวเอง
หลายคนมักจะถูกสอนให้รู้จักประหยัดอดออม เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้ไม่ลำบาก แต่ไม่ค่อยสอนให้รู้จักหาเงิน สร้างรายได้ให้มากขึ้นหากเราใช้เวลา 1 ปี เพื่อให้มีเงินเก็บ 1 แสน
เท่ากับว่า 10 ปี เราจะมีเงินเก็บ 1 ล้าน แต่แบบนั้นไม่ได้เรียกว่าคุณเก่ง เพราะคุณต้องใช้เวลาถึง 10 ปี เพื่อเก็บเงิน 1 ล้าน ในขณะที่บางคนอาจจะหาได้ในปีเดียว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญ
ในการนำไปสู่ความมั่งคั่ง ไม่ใช่การอดออม แต่เป็นการที่เรารู้จัก ล ง ทุ น กับตัวเองให้ถูกทาง คุณก็จะได้กลับคืนมามากกว่านั้นหลายเท่า
บางคนจ่ายเงินเพื่อ… ”ไปเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย “ จนมีไอเดียและช่องทางที่จะทำธุรกิจ ขาย อ า ห า ร เสริมสำหรับคนรัก สุ ข ภ า พ หรือเปิดยิมเป็นของตัวเอง
แถมยังมีลูกค้าที่เจอในฟิตเนสตอนไปออกกำลังกายอีก
บางคนจ่ายเงินเพื่อ… ” ออกเดินทางเที่ยวรอบโลก “ ทำให้ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้น ได้เห็นธุรกิจใหม่ๆที่ต่างประเทศ ที่ไม่มีในประเทศตัวเอง แล้วก็นำกลับมาต่อยอด
ที่บ้านตัวเองเวลา จะช่วยบอกเอง ว่าเงินที่คุณ ล ง ทุ น ไปกับตัวเอง มันทำให้คุณได้อะไรกลับมาบ้าง และมันทำให้คุณมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นได้หรือเปล่า หาเงินได้เยอะขึ้นหรือเปล่า
และมันจะเป็นการ ล ง ทุ น ที่ประสบความสำเร็จ แต่ถึงมันจะไม่สำเร็จ แต่มันก็จะให้ประสบการณ์ที่หา ซื้ อ ที่ไหนไม่ได้กับคุณอยู่ดี
2. คนที่ทำงานกับคนอื่นไม่เป็น
มีบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง กำลังรับสมัครพนักงาน และมีผู้มาสมัครงาน 6 คน ก่อนรับเข้าทำงาน ทางบริษัทจึงได้ให้เงินจำนวน 75 บาท แก่ผู้สมัครงานทั้ง 6 คน เพื่อไป
ซื้ อ ข้าวกินด้วยกันในงบที่ให้ไป แต่เมื่อไปถึงร้าน ข้าวจานหนึ่งอย่างต่ำก็ 15 บาทแล้ว และเงินที่ให้มานั้นไม่พอที่จะ ซื้ อ ข้าวคนละจานได้แน่ๆ จึงพากันกลับไปที่บริษัท
และเมื่อถึงบริษัท ประธานรู้เข้าก็ถึงกลับส่ายหัว แล้วพูดว่า “ขอโทษด้วย ผมรับพวกคุณเข้าทำงานไม่ได้จริงๆ พวกคุณไม่เหมาะกับบริษัทของเรา” เหตุผลก็เพราะว่า…ร้าน
อ า ห า ร ร้านนั้นมีโปรโมชั่น ซื้ อ 5 แถม 1 ซึ่งทั้ง 6 คนไม่มีใครรู้ หรือ อ่ า น รายละเอียดเลย มันแสดงถึงความไม่ใส่ใจ และถึงแม้จะไม่มีโปรโมชั่น ก็ยังสามารถ ซื้ อ ข้าวมา 5 จาน
แล้วแบ่งใส่เพิ่มอีก 1 จานได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คน ไม่มีใครคิดว่ามาด้วยกัน จึงไม่มีความเป็นทีม มีแต่คิดถึงตัวเอง หากเข้ามาอยู่ในองค์กรก็จะไม่รู้จักการทำงานเป็นทีม
และนั่นก็คงไม่ต่างกับการทำงานแบบหุ่นยนต์
3. คนที่ทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆ
หลายคนชอบงานที่ทำแบบซ้ำๆเดิมๆทุกวัน เพราะไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้ ป ว ด หั ว เช่น การแพ็คของ เรียงสินค้า งานที่อาศัยการจับวาง ไม่ได้มีการคิดวิเคราะห์
หรือการตัดสินใจ เป็นการทำงานแบบหุ่นยนต์ ก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ที่วันหนึ่งจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ เพราะหุ่นยนต์ไม่เคยหยุดงาน ไม่อู่งาน ไม่ต้องพักกินข้าว
หรือเรียกร้องขึ้นเงินเดือน หรือสวัสดิการอะไรเพิ่ม ปัญหาก็น้อยลงตามไปด้วย
4. คนที่จบงาน ก็ไม่เรียนรู้อะไรอีกแล้ว
โดยเฉลี่ยนคนเราจะใช้เวลาทำงานวันละ 8 ชั่ ว โ ม ง ซึ่งมีคนรู้จักที่ได้ทำงานอยู่ในโกดังแห่งหนึ่ง หน้าที่ของเขาคือ การเช็คจำนวนสินค้าในคลัง ซึ่งเป็นงานง่ายๆ
ที่ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย เ สี่ ย ง ที่จะถูกหุ่นยนต์มาแทนที่ในอนาคตแต่ในการทำงานปีแรกของเขา มีของที่ถูกส่งมาเป็นจำนวนมาก และหลังเลิกงาน เขาจะใช้เวลา
ในการค้นหาข้อมูลเพิม่เติม เขาค้นพบว่า ของบางอย่างเป็นที่ต้องการในตลาดอย่งามาก และด้วยความที่เขาทำงานในแวดวงนี้ ทำให้เขาหาแหล่งผลิตที่ได้ต้นทุนในราคาถูก
จากนั้นเขาก็เริ่มสั่งสินค้ามาขายในออนไลน์ และก็ยังคงทำงานในโกดังเหมือนเดิม ผ่านไป 3 ปี ธุรกิจค้าขายออนไลน์ของเขาเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในเวลา 7 ปี เขาก็
สามารถเปิดกิจการเป็นของตัวเองได้นอกเหนือเวลาทำงาน 8 ชั่ ว โ ม ง เขายังคงทำงานและเรียนรู้เพิ่มเติม นี่คือสิ่งที่แตกต่างกับคนอื่นๆ เขาไม่เคยหยุดเรียนรู้นอกเหนือจาก
8 ชั่ ว โ ม ง ในเวลาทำงาน ทำให้เขาเติบโตและไปได้ไกลกว่าคนอื่น และด้วยยุคสมัยนี้ที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน เป็นแหล่งที่จะหาความรู้เพิ่มเติมได้ทุกวัน
มันขึ้นอยู่ที่ว่าคุณจะมองหาโอกาสและลงมือทำ หรือจะปล่อยเวลาแต่ละวันไป ได้ใช้เวลาพักผ่อนแค่หลังเลิกงานแปบเดียว ก็ต้องกลับไปทำงานเป็นลูกจ้างต่อ รอเวลา
ที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์
5. คนที่มองอะไรสั้นๆ ไม่มองไปข้างหน้า
นาย A และ นาย B ได้เข้าไปฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง และเมื่อเรียนจบ ก็ได้ไปทำงานในบริษัทนั้น แต่บริษัทได้เสนอให้ทั้ง 2 ไปศึกษาดูงานที่สำนักต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปี
โดยได้เงินเดือนแค่ครึ่งเดียว และไม่มีค่าคอมมิชชั่นให้ นาย A รู้สึกว่าเงินเดือนที่ได้ น้อยเกินไปและยังต้องลำบากไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ไม่มีเพื่อนฝูงอีก จึงตัดสินใจที่จะ
ไม่ไปในขณะที่นาย B ตัดสินใจไปศึกษางานที่ต่างประเทศ เพราะคิดว่าได้ไปหาประสบการณ์ก็คุ้มแล้ว แต่นี่ยังได้เงินเดือนอีกตั้งครึ่งหนึ่ง เมื่อผ่านไป 2 ปี นาย A ยังคงทำงาน
ที่ตำแหน่งเดิม เงินเดือนขยับขึ้นมานิดหน่อย ในขณะที่นาย B ได้กลับมาเป็นหัวหน้าคนใหม่ของบริษัท และมีรายได้หลักแสนต่อเดือน ซึ่งมากกว่านาย A ถึง 5 เท่าเรื่องนี้
ไม่ใช่ว่า นายA ตัดสินใจผิดพลาด หรือนาย B ตัดสินใจถูก แต่เป็นเพราะว่าทั้งคู่ต่างเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ในมุมมองของตัวเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่าง
จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า การตัดสินใจในอดีตของเรา จะพาเราก้าวไปข้างหน้าได้มากน้อยแค่ไหน
จากตัวอย่างที่ได้หยิบยกขึ้นมาให้ดูกัน ไม่ได้เจาะจงที่อาชีพใด หรืองานแบบไหน แต่ทุกอาชีพล้วนมีโอกาสตกงาน และมีโอกาสถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์หมด หาก
ความสามารถของคุณยังมีได้เท่าหุ่นยนต์ แต่ทัศนคติของคุณต่างหาก ที่มีความแตกต่างจากหุ่นยนต์ มันจะเป็นตัวตัดสินว่า คุณจะถูกแทนที่ หรือ ได้ไปต่อในที่นี้ยุคสมัยเปลี่ยน
เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอด เราเป็นมนุษย์ ต้องรู้จักการเอาตัว
ขอขอบคุณ bitcoretech