
ถ้าตอนก่อนเกิดมีปุ่มให้เราเลือกเกิดได้ตามใจ อ ย า ก เชื่อได้เลยว่า
คงมีแต่คน อ ย า ก เกิดมาบนกองเงินกองทอง ชนิดที่คาบช้อนฝังเพชรออกมาจากท้องแม่กันเลยทีเดียว
แต่ในเมื่อความเป็นจริงไม่สามารถเลือกเกิดอย่างนั้นได้
ชีวิตก็เลยต้องดิ้นรนกันต่อไป แต่เอ๊ะ ! เคยสงสัยกันไหมคะว่า คนรวยทำไมถึงรวยแล้วรวยเล่าเฝ้าแต่รวย
ในขณะที่เราก็อดบ้ างอิ่มบ้ างตามยถากรรม หรืออาจเป็นเพราะเราเข้าไม่ถึงกระบวนการคิด
และวิถีชีวิตของคนรวยอย่างที่ แจกแจงมาว่า 9 สิ่งนี้แหละที่มีแต่คนรวยเท่านั้นจะคิดและทำได้
1. อุปสรรคคืออะไร คนรวยไม่รู้จัก ในขณะที่เรามองเห็นแต่อุปสรรค
คนรวยกลับมองสิ่งนั้นเป็นโอกาสที่เขาจะคว้ามาไว้ต่อยอดสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตได้
โดยเขาเชื่อกันว่า ทุกความ ย า ก ลำบากในชีวิตที่ต้องเจอ
อย่างน้อยก็ต้องมีทางออกให้เราคลี่คลายสถานการณ์ได้ไม่ว่าในทางใดก็ทางหนึ่ง
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มุมมองด้านไหนแก้ปัญหาและพาให้ชีวิตขับเคลื่อนไปต่อได้
2. กล้าแสดงจุดแข็งของตัวเองอย่างเปิดเผย ข้อดีของตัวเองอยู่ตรงไหน
จุดแข็งที่ไม่น่าจะมีใครเทียบเทียมเราได้คืออะไร เป็นสิ่งสำคัญที่คนรวยต้องรู้ตัวเองอยู่เสมอ
และพร้อมจะแสดงความเด่นออกมาอย่างถูกที่ถูกเวลา
เพราะนี่ก็เปรียบเหมือนประตูที่เปิดไว้รอรับทรัพย์ รับโอกาสดี ๆ
ที่คนเหนียมอายอาจพลาดไปอย่างน่าเสียดายได้
ดังนั้นหาก อ ย า กเป็นคนมีเงินใช้ไม่ขาดมือ
อย่างแรกควรหาจุดเด่นของตัวเอง แล้วศึกษาวิธีเสนอจุดขายของตัวเองได้แล้ว
3. ไม่เคยย่อท้อต่อความลำบาก ต่อให้ตอนนี้ชีวิตจะเจอแต่อุปสรรค
และความ ย า ก ลำบากจนแทบทนไม่ไหว แต่คนจะรวยยังไงก็จะรวยอยู่วันยังค่ำ
เขาจะไม่กลัวความลำบากและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ สักนิดเลย
เพราะเชื่ออยู่เสมอว่า ลำบากตอนนี้ไปก่อน ทำให้ดีที่สุดเอาไว้ แล้วพรุ่งนี้จะสบายเอง
4. ใช้เงินเป็น มีเงิน 500 ใช้ 500 หมดในครั้งเดียวแบบนี้เขาเรียกใช้เงินไม่เป็นค่ะ
และแม้คนเหล่านี้จะหาเงินเก่งแค่ไหนในอนาคตก็คงไม่มีวันร่ำรวยมั่นคงได้
ดังนั้นคนรวยจึงไม่โฟกัสเรื่องรายได้เท่าไรนักแต่กลับโฟกัสเรื่องการเก็บออม
และการต่อยอดเงินให้เพิ่มขึ้นเท่านั้น นี่สินะที่เขาเรียกว่าชีวิตดี๊ดี
5. คลุกคลีอยู่ในสังคมคิดบวก สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรง
กับทัศนคติและพฤติกรรมของคนเรานี่คือสิ่งที่คนรวยเขาเชื่อกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
และการที่ได้คลุกคลีอยู่ในสังคมคิดบวกพูดคุยกันแต่เรื่องความสำเร็จ
และเป้าหมายของชีวิตอย่างมีความหวังคนรวยเขาก็เชื่อกันว่าจะเป็น พ ลั ง
ให้ชีวิตมีแรงบันดาลใจ อีกทั้งเราก็จะกลายเป็นคน ท ะ เ ย อ ท ะ ย า น มากขึ้นด้วย
6. มีวิธีต่อยอดเม็ดเงินในกระเป๋าอย่างชาญฉลาด
สมมติว่ามีเงินอยู่ 5 บ า ท แต่ อ ย า ก ซื้ อ ไอศกรีม และหมากฝรั่งซึ่งมีราคาชิ้นละ 5 บ า ท ทั้งคู่
ถ้าเป็นคนที่มีข้อจำกัดในเรื่องการใช้จ่ายก็คงตัดใจจากของชิ้นใดชิ้นหนึ่งไปเพราะเงินไม่พอใช่ไหมคะ
แต่หากเป็นคนรวย เขาจะเลือก ซื้ อ ลูกอม 1 แพค ในราคา 5 บ า ท
แล้วนำลูกอมเหล่านั้นไปขายต่อเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าเงินที่มีอยู่
แค่นี้ก็กลับมา ซื้ อ ได้ทั้งไอศกรีมและหมากฝรั่งแล้ว เห็นไหมล่ะว่ากระบวนการคิดแตกต่างกันจริง ๆ
7. แข็งแกร่งกว่าปัญหา ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าแค่ไหน
ชีวิตก็ไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบหรอกนะคะ ทว่าคนมีฐานะมั่นคงเหล่านี้เขาจะฝึกตัวเองให้อยู่เหนือทุกปัญหา
มีความแข็งแกร่งมากพอจะต่อกรกับขวากหนามของชีวิตได้อย่างไม่สะท้านสะเทือน
หรืออย่างน้อย ๆ หากชีวิตต้องเจอกับช่วงหกล้มคลุกคลาน
คนรวยก็จะทำทุกวิถีทางให้ตัวเองลุกขึ้นเดินได้อีกครั้ง
แม้ว่าจะต้องใช้ความ พ ย า ย า ม มากเท่าไร
คนที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้จะไม่เคยย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อยเลย
8. เรียนรู้ชีวิตและการเติบโตตลอดเวลา ความรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด
และคนรวยก็ตระหนักความจริงข้อนี้ดีอยู่แก่ใจ
ดังนั้นตั้งแต่โตมาเขาจึงไขว่คว้าทุกโอกาสของการเรียนรู้
ไม่ว่าจะเป็นการร่ำเรียนในห้องเรียน และห้องเรียนนอกเวลาอย่างการท่องโลกกว้าง
หรือการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการปูทางให้ชีวิตได้พบกับความแปลกใหม่
อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่งอย่างไร้ค่า
9. ชีวิตคือการ ล ง ทุ น ไม่ว่าจะทำธุรกิจหรือเป็นพนักงานบริษัท
คนรวยจะคอยคำนวณผลกำไรขาดทุนของตัวเองไว้ตลอดเวลา
และ ก ฎ ต า ย ตั ว ของเขาเหล่านี้ คือ ล ง ทุ น ไปเท่าไร
สิ่งที่ได้รับกลับมาต้องเท่าเทียมกันหรือมากกว่าที่ ล ง ทุ น ไป
ซึ่งถ้าให้เข้าใจง่าย ๆ ก็ป็นหลักของทุนนิยมนี่ล่ะค่ะ
แต่หากคุณยังมัวคิดแต่ว่า ต้องหาเงินเข้ากระเป๋าให้พอกับรายจ่ายที่รายล้อมชีวิตอยู่
แบบนี้ต่อให้ตรากตรำทำงานต่อไปอีกสิบเป็นปีเพื่อหวังจะรวย บอกเลยตรงนี้ว่า ย า ก
ที่มา : k a p o o k