
1. ฝึกเข้าใจธรรมชาติว่าอะไรๆ ก็ผ่านไปเมื่อมีความสุขก็ให้รู้ว่าเดี๋ยวความสุขมัน
ก็ผ่านไปเมื่อมีความทุ กข์ ก็ให้รู้ว่าเดี๋ยวความทุ กข์ ก็ผ่านไปเวลามีสถานการณ์แ ย่ๆ
เกิดขึ้นก็ให้รู้ทันว่าเรื่องราวเหล่านี้ก็คงผ่านไปเช่นกัน
2. ฝึกไม่สะสมการสะสมอะไรสักอย่ างนั้นมันคือภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้ว
ไม่เป็นภาระเว้น แต่ความดีนอกนั้นคือภาระทั้งหมด ไม่มากก็น้อย
3. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ จงเป็นคนธรรมดาอย่ าเป็นคนสำคัญเมื่อเวลา
มีอะไรเกิดขึ้นอย่ าไปให้ความสำคัญกับตัวเรามากไป
4. ฝึกเป็นคนนิ่งๆ พูดแต่สิ่งที่ดี ถ้าอะไรไม่ดี ก็อย่ าไปพูดมาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูก
หรือสิ่งนั้นจะผิ ดแต่หากมันไม่ดีเป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูดเลย เพราะการพูดในทางเสี ย
หายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำลง
5. ฝึกเป็นคนสบายๆ อย่ าไปยึด กับความสมบูรณ์แบบมากไปเพราะความสมบูรณ์แบบ
มันไม่มีจริงหรอกมีแต่คน โ ง่เท่านั้นที่มองว่าความสมบูรณ์แบบมีอยู่จริง
6. ฝึกให้ตัวเองพ้นจากการเป็นท า ส ของเงิน เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีใช้อะไร
อยู่ก็จงพอใจการที่คนเราจะเลิกเป็นท าส ของเงินได้ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อนเมื่อรู้จัก
พอแล้วก็ไม่ต้องหาเงินมาก และเมื่อไม่ต้องหาเงินมากชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน
7. ฝึกอยู่กับปัจจุบันเมื่อเรากำลังรู้สึก ห ด หู่ ใจ นั่นแปลว่าเรากำลังอยู่กับอดีตเมื่อเรากำลังรู้สึก
กังวลใจนั่นแปลว่าเรากำลังอยู่กับอนาคต หากเรากำลังรู้สึกดีและมีความสุขก็แปลว่าเรากำลัง
อยู่กับปัจจุบันพระพุทธเจ้า ทรงแนะว่าให้ทำทีละอย่ างโฟกัสทีละงานแล้วทุ กข์จะเข้าไม่ถึงใจเรา
8. ฝึกเข้าใจเรื่องของการนิ น ท า คนเรา ก็ต้องรู้ตัวว่าเราต้องถูกนินท าแน่นอน และเมื่อ
ถูกนินท าขอให้รู้ว่าเรามาถูกทางแล้วล่ะแปลว่าเรายังมีตัวตนอยู่บนโลกคนที่ชอบเต้น แ ร้ ง เต้น
ก า กับคำนินท าเขาคือคนไม่รู้เท่าทันโลกนั่นเอง
9. ฝึกให้ตัวเองเสี ย สละและยอ ม เสียเปรียบคนอื่นบ้างการที่คนๆ หนึ่งยอมเสี ยเป รียบผู้อื่นบ้าง
เป็นเรื่องที่จำเป็นใครก็ตามที่ บ้ า ความถูกต้อง บ้าเหตุผลไม่ยอมเสี ยอะไรเลย ไม่นานคนๆ นั้นก็จะ
เป็นบ้ า กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่ างแต่ไม่มีความสุขเพราะต้อง ป ะ ท ะ กับคนรอบข้างเต็มไปหมด
เพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น
ขอบคุณที่มา tamnanna