Home ข้อคิดสอนใจ 12 ขั้นตอนเตรียมความพร้อม ก่อนเป็นเจ้าของกิจการ

12 ขั้นตอนเตรียมความพร้อม ก่อนเป็นเจ้าของกิจการ

12 second read
0
0
120

1. กำหนดสิ่งที่อยากทำ เมื่อเราอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ เราต้องค้นหาหรือถามตัวเองว่าอยากทำอะไร หรือชอบอะไรเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าเรารักในสิ่งที่อยากทำด้วยแล้ว ก็จะทำให้ธุรกิจที่จะทำประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เพราะเราจะตั้งใจทำอย่างเต็มความสามารถ

2. มองโอกาสของธุรกิจ ถือว่าสำคัญมาก แม้ว่าเราชอบหรืออยากจะทำอะไร แต่ถ้าทำไปแล้วไม่มีลูกค้า ไม่มีคนซื้อ ก็ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้น การที่คิดจะทำธุรกิจอะไร

ต้องวิเคราะห์ตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย ว่าลงทุนวันนี้ แล้วพรุ่งนี้ลูกค้ายังจะซื้อเราอีกไหม หรือธุรกิจที่เราชอบในวันนี้ อีก 1- 2 ปีข้างหน้า ยังจะได้รับความนิยมอยู่หรือไม่ เราต้องมองโอกาสของธุรกิจด้วย

3. สอบถามลูกค้าเพื่อหาไอเดีย เชื่อมโยงกับข้อ 2 เพราะก่อนจะลงทุนทำธุรกิจอะไรให้ประสบความสำเร็จ อยากแรกต้องดูเทรนด์ตลาดและความต้องการของผู้บริโภคด้วย

อาจทำแบบสอบถามหรือพูคุยกับลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ โดยตรง หรือสอบถามทางช่องทางออนไลน์ก็ได้ ว่าลูกค้าชอบสินค้าหรือบริการที่เราอยากจะทำหรือไม่ เพื่อเป็นการแนวร่วมเดียวกัน ถ้าสอบถามหลายๆ คนบอกว่าไม่ชอบ เราก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจก่อนที่จะลงทุนจริงๆ จังๆ ได้ทันเวลา

4. วางแผนการตลาดและแผนธุรกิจ การตลาดที่ได้รับความนิยมในวันนี้ คือการใช้ช่องทางสื่อ ส า ร ผ่านทางออนไลน์ โดยเฉพาะ Social Media ต่างๆ เพราะสาสามารถเจ้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีที่สุด

ขณะเดียวกันเราต้องจัดทำแผนธุรกิจ ระบุรายละเอียดต่างๆ ว่าเป้าหมายของธุรกิจคืออะไร เราต้องทำงานอะไรบ้างให้ประสบความสำเร็จ แผนธุรกิจจะครอบคลุมโครงสร้างส่วนต่างๆ ของธุรกิจ

5. เริ่มต้นจากธุรกิจขนาดเล็กๆ เป็นการทดลองการทำธุรกิจ ว่าจะไปได้หรือไม่ได้ เหมือนเป็นการลองผิดลองถูก ถ้าเจ๊งก็ไม่ต้องเสียเงินงบประมาณจำนวนมาก แต่ถ้าไปรอดหรือได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดและลูกค้า

ก็ค่อยๆ ขยับขยายธุรกิจให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ที่สำคัญเหมาะสำหรับช่วงที่เรายังทำงานประจำอยู่ ยังปลีกตัวไปทำเต็มตัวไม่ได้ ต้องทำขนาดเล็กๆ ไปก่อน

6. ประเมินธุรกิจ และปรับเปลี่ยน หลังจากที่เราได้ทดลองเริ่มต้นธุรกิจไปแล้ว พอผ่านไปได้ประมาณเดือนกว่าๆ ก็ลองมาวิเคราะห์ธุรกิจดูว่า ผลกาตอบรับจากตลาดและลูกค้าเป็นอย่างไร

ยอดขายเพิ่มขึ้นทุกวันหรือไม่ หรือคงที่ หรือยอดขายตก เมื่อเราเห็นภาพก็จะสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขได้ทันท่วงที โดยนำเอาข้อเสนอแนะจากลูกค้ามาปรับปรุงให้ตอบโจทย์ลูกค้า จะดีที่สุดครับ

7. รวบรวมทีมงาน มาถึงตรงนี้ ถ้าความคิดในการทำธุรกิจของเราจะเป็นไปได้มากที่สุด ผลการตอบรับจากช่วงทดลองทำการตลาด ได้รับผลการตอบรับดี ต่อไปเราต้องคิดว่าถ้าเราออกจากงาน

เพื่อมาทำธุรกิจของเราเต็มเวลา เราจำเป็นต้องทีมงาน เพื่อการขยายธุรกิจให้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นทีมงานการตาด การเงิน การผลิต การบริการลูกค้า เป็นต้น

8. การหาแหล่งเงินทุน ถ้าเราคิดจะทำธุรกิจขาดเล็ก เราอาจใช้เงินเก็บจากการทำงานประจำมาใช้จ่ายช่วง 1- 2 เดือนแรกก่อนก็ได้ ถ้าหากมีเงินเก็บจำนวนมาก แต่ถ้าอยากทำธุรกิจที่มันใหญ่ขึ้น

เพราะมีตลาดและลูกค้ารองรับอยู่แล้ว ก็อาจจำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุนที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงแหล่งเงินทุนจากญาติพี่น้อง

9. วางโครงสร้างบริษัท ในเวลาเดียวกัน ถ้าเราจะเดินหน้าธุรกิจจริงๆ ต้องมองด้วยว่าจะจัดตั้งบริษัทในรูปแบบไหน เช่น บริษัทคนเดียว หรือหุ้นส่วน หรือจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล เป็นต้น เพื่อที่จะได้รับการดูแลตาม ก ฎ ห ม า ย อย่างถูกต้อง

10. ลาออกจากงานประจำ เมื่อธุรกิจพร้อมแล้ว ให้ลาออกจากงานประจำวัน เพื่อทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่อย่าลืมว่าในการออกมาทำธุรกิจของตัวเองนั้น ในวันข้างหน้าเราอาจจะต้องได้พบเจอกับหัวหน้าเก่า

เจ้านายเก่า หรือเพื่อนร่วมงานเก่าๆ ดังนั้น ก่อนการลาออกต้องบอกเจ้านายและเพื่อนร่วมงานให้ดี ไม่บาดหมางใจกัน เพราะอนาคตธุรกิจอาจต้องพึ่งพาช่วยเหลือกัน

11. ตั้งงบประมาณในการทำงาน ช่วงเวลาที่เราทำงานประจำ อาจจะไม่สามารถจัดสรรเรื่องงบประมาณในการทำธุรกิจได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อเราออกจากงานประจำมาบริหารกิจการของเราอย่างเต็มที่แล้ว

อยากแรกเราต้องบริหารงบประมาณในการทำธุรกิจ แยกออกเป็นแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การตลาด การจำหน่าย การขนส่ง รวมเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท เป็นต้น

12. ปรับขนาดธุรกิจตามแผนการตลาด สุดท้ายคือ การทำธุรกิจให้เป็นไปตามแผนงานหรือแผนธุรกิจที่เราได้เขียนเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ถ้าออกจากงานแล้วธุรกิจไปได้สวย แต่ตอนแรกแผนธุรกิจเขียนเล็กๆ

เราก็ต้องมาปรับขนาดธุรกิจให้เท่ากับแผนการตลาดในปัจจุบัน เช่น ถ้าสินค้าเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ เราก็ต้องปรับขนาดธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับตลาดต่างประเทศ

เช่น อาจต้องเพิ่มทีมงานด้านต่างประเทศโดยเฉพาะ รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตที่มากขึ้นด้วย ทั้งหมดเป็นขั้นตอนในการก้าวไปสู่ในการเป็นเจ้าของกิจการ หรือการเป็นนายตัวเอง

ในขณะที่เรายังเป็นลูกจ้างอยู่ ซึ่งถือเป็นแนวทางที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กันมาก เพราะการวางแผนเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่งเรายังทำงานประจำ จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลาออกจากงานมาเริ่มต้นธุรกิจเลย อย่างน้อยเราก็มีเงินทุนหมุนเวียนในขณะที่เราเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ อยู่

ที่มา : t h a i s m e s c e n t e r

Load More Related Articles
Load More By adminjing
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

8 วิธีทำให้คนนับถือคุณ หลักๆ อยู่ที่การวางตัว

ไม่ใช่แค่กลุ่มคนทำงาน แต่พวกเราทุกคนต่างต้องอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุ…