Home ข้อคิดสอนใจ 11 นิสัยของลูกน้องที่ เจ้านายต้องส่ายหัว

11 นิสัยของลูกน้องที่ เจ้านายต้องส่ายหัว

1 second read
0
0
241

นิสัย แ ย่ 11 ประการที่เจ้านายต้องการให้ลาออก

ในสังคมที่เป็นกันเองอย่างสังคมเพื่อนหรือครอบครัวการทำผิดเพียงเล็กน้อย

ยังถือว่าพอจะให้อภัยกันได้แต่ในสังคมการทำงาน เราต้องเผชิญกับความ

หลากหลายของคนและงานจึงเป็นไปได้ยากมากที่จะทำอะไรตามใจตัวเอง

เพราะทุกคนต่างแข่งขันกัน และคอยเป็นหูเป็นตาให้กับองค์กรอยู่เสมอ

ความผิดบางเรื่องที่ดูเล็กน้อยในสายตาเรา จึงเป็นไปได้มากที่จะใหญ่โต

ระดับองค์กรและทำให้เราถูกไล่ออกได้อย่างไม่น่าสงสัยคุณอาจจะลืมไปบ้าง

ว่าในวันแรกที่ผ่านการทดสอบเข้ามาทำงานได้ คุณต้องสัญญาอะไรกั

บองค์กรบ้างมา อ่ า น ทบทวนอีกครั้งเพื่อเตือนความจำไว้ และระมัดระวัง

ตัวมากขึ้นรู้ไว้ซะว่าถ้าทำอย่าง 11 ข้อต่อไปนี้ เจ้านายอาจจะใจดี

เรียกคุณไปรับซองขาวในวันใดวันหนึ่งก็ได้

1. คุณใช้เวลานานเกินไปในการเรียนรู้งาน : องค์กรส่วนใหญ่มักให้โอกาส

พนักงานใหม่เข้ามาทำความคุ้นเคยกับ บ ร ร ย า ก า ศ การทำงานให้มากขึ้น

อาจเป็นการฝึกอบรมหรือทดลองทำงานไปสักระยะก่อนจะทำงานจริง

หากคุณไม่ พ ย า ย า ม ทำให้เต็มที่เหมือนกับที่สอบเข้ามาได้ เรียนรู้ช้าไป

หรือถามแต่คำถามที่ไม่เป็นประโยชน์เอาเสียเลย องค์กรก็มีสิทธิพิจารณา

พนักงานรายต่อไปมาแทนคุณได้

2. ผัดวันประกันพรุ่ง : คุณอาจจะรู้สึกชิลมากที่ได้เลื่อนวันส่งงานหรือ

ไม่ส่งงานเอาดื้อ ๆ เสียเลยในสมัยที่ยังเรียนอยู่ แต่สำหรับสังคมการทำงาน

ความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวก็สามารถสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

ให้กับองค์กรได้ ถ้าคุณเป็น 1 ในต้นเหตุที่ทำให้บริษัทต้องรวนเพราะ

ความชิลของคุณ คุณก็เหมาะสมแล้วที่จะถูกเชิญให้ออก

3. ขาดวิจารณญาณ : ในการทำงาน คุณต้องมีไหวพริบมากพอที่จะ

แก้ปัญหาทุกอย่างที่เข้ามาอย่างเหมาะสม มีเหตุผล ตัวอย่างเช่น หากคุณ

เป็นเลขาฯ คุณต้องมีความสามารถในการเรียงลำดับความสำคัญของงาน

ของเจ้านายคุณได้ โดยไม่มีการลัดคิวกันหรือล้มเลิกคิวอย่างไร้เหตุผล

บางปัญหาที่ใหญ่เกินไป คุณต้องยอมรับว่าคุณคนเดียวไม่สามารถ

จัดการได้ดีเท่าการปรึกษาผู้รู้หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ถ้าคุณลงมือไปโดยพละการ

คุณเตรียมตัวฟังเรื่องตื่นเต้นที่สุดในชีวิตการทำงานได้เลย

4. ขาดความเคารพเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน : แม้แต่คนธรรมดา

ยังไม่ต้องการจะอยู่กับคนที่ก้าวร้าว ห ย า บ ก ร ะ ด้ า ง ไม่มี ม า ร ย า ท

นับประสาอะไรกับองค์กรที่จะต้องแบกรับคนประเภทนี้ไว้ ทำ ล า ย

องค์กรเล่น

5. มั่นใจในตัวเองสูงเกินไป : เมื่อใดก็ตามที่ต้องการอยู่ใน “สังคม” ให้รอด

ก็ต้องมีการปรับตัวเข้าหาสังคมให้ได้โดยการลด ego ของตัวเองลง

เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากขึ้น ถ้ายังคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด ความคิดเห็น

ของคนอื่นก็แค่เรื่องธรรมดา เจ้านายก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้อง ท ร ม า น

กักขังคุณไว้ในองค์กรอีกต่อไป บางทีองค์กรอาจจะไม่เหมาะกับคนเก่ง

อย่างคุณเสียเอง

6. ทำงานล่าช้า : สังคมทำงานคือสังคมของผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ถ้าคุณ

ยังติดนิสัยให้ใครมาทวงงาน ตามการบ้านให้ส่ง ก็อย่าเพิ่งมาทำงานเลย

7. มีข้อผิดพลาดในการทำงานอยู่เรื่อย : ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็

เท่ากับว่าสร้างความเสียหายให้องค์กร ยิ่งผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งไม่ต้อง

พูดถึงเลยว่าอนาคตการทำงานของคุณจะลงเอยอย่างไร ถ้าองค์กร

ไม่เรียกค่าเสียหายจากคุณก็นับว่าเป็นพระคุณมากแล้ว

8. ลาหยุดมากเกินจำเป็น : ไม่มีองค์กรไหนต้องการจ้างพนักงานไว้

แขวนชื่อกับตำแหน่งลอย ๆ เล่น ๆ โดยที่องค์กรยังอยู่นิ่ง ไม่สามารถพัฒนา

ต่อไปได้ ถ้าคุณไม่สามารถให้เวลากับองค์กรได้ คุณก็อย่าเข้ามามีส่วนได้

ส่วนเสียกับองค์กรอีกเลย

9. ไม่ทำงานตามวัตถุประสงค์ : ถ้าความคิดเห็นและความสามารถของคุณ

ไม่สอดคล้องกับความต้องการขององค์กรเลยสักนิด คิดเสียว่าคุณโชคดี

ที่มีโอกาสสอบเข้ามาได้และได้เห็น บ ร ร ย า ก า ศ จริงอยู่บ้าง แต่มันเป็นเรื่อง

โ ช ค ร้ า ย เสียจริงที่องค์กรไม่อาจจะให้คุณอยู่ต่อไปนาน ๆ

10. โ ก ห ก จนเป็นนิสัย : ไม่ว่าจะเรื่องเล็กอย่างหาเหตุผลปลอม ๆ มาขอ

ลาหยุด, ปลอม เ อ ก ส า ร , ปลอมลายเซ็น, รายงานผลการทำงานเท็จ

ล้วนแต่เป็นการสร้างความเสียหายให้องค์กรอย่างหนึ่ง และอาจได้รับโทษ

ทาง ก ฎ ห ม า ย เป็นของแถม

11. ทัศนคติติดลบ มองโลกใน แ ง่ ร้ า ย : ถ้าสังคมการทำงานมันทำให้

ชีวิตคุณไม่มีความสุขมากจนถึงกับต้องแสดงออกด้วย กิ ริ ย า ท่าทาง ไ ร้ ม า ร ย า ท

ห ย า บ ค า ย ส่อไปในทางที่ไม่ชอบอยู่เสมอ คุณควรพาตัวเองออกมาเพื่อ

ความสบายใจโดยส่วนตัวมากที่สุด แล้วอย่าหันหลังกลับไปอีก องค์กรเอง

ก็ไม่อยากรับมือกับความ เ สี่ ย ง จากอารมณ์ ชั่ ว วู บ ของคน คิ ด ร้ า ย

ที่จะเกิดในวันใดวันหนึ่งขึ้นมาก็ได้

งานไม่เหมาะกับคุณ หรือตัวคุณไม่เหมาะกับงาน ลองถามใจตัวเองดูให้ดี

มีแต่ตัวคุณเท่านั้นที่หาคำตอบได้และรู้ว่าควรทำอย่างไร อย่ารอให้ใคร

มาเตือนก่อน เพราะในเวลานั้นมันอาจสายเกินไปเสียแล้ว

ขอขอบคุณ jeeb

Load More Related Articles
Load More By jingjai
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

6 ความรักของพ่อแม่ ที่ส่งผลเสียต่อลูกโดยไม่รู้ตัว(พ่อแม่ควรรู้ไว้)

“ความรัก” มีอิทธิพลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูก คุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมรักและต้องการมอ…