1.“ถ้าได้เงินเดือนเยอะกว่านี้ ก็คงไม่ลำบากแบบนี้”
เพื่อน ๆ คงเคยเห็นคนรวยที่เงินเดือนเยอะ ๆ แต่ก็ใช้เงินฟุ่มเฟือยจนลำบากใช่มั้ยล่ะครับ เพราะฉะนั้น มันไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินที่มีหรอกนะครับ เพราะการบริหารเงินหมื่น หรือเงินแสนก็ใช้หลักเดียวกัน ถ้าเพื่อน ๆ มีแนวคิดจะเก็บออมและมีวินัยทางการเงินไม่เป็นหนี้ยังไงล่ะครับ
2.“ไว้ทีหลังละกัน”
หลาย ๆ คนยังไม่เริ่มเก็บออมเงินสักที เพราะรอปีใหม่ รอโบนัส รอขึ้นเงินเดือน ถ้ารอต่อไปมันก็มีข้ออ้างให้รอเรื่อย ๆ ล่ะครับ ผมแนะนำให้เพื่อน ๆ เริ่มเก็บออมเงิน หาความรู้การลงทุน
หรือโละหนี้บัตรเครดิตซะตั้งแต่วันนี้เลยครับ ถ้ามัวแต่รอ เราก็จะต้องทนกับวงจรการเป็นหนี้ไปเรื่อย ๆ เริ่มจากก้าวเล็ก ๆ ค่อยเป็นค่อยไป อย่าลืมว่าของแบบนี้ต้องใช้เวลา
เพื่อน ๆ ค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ แล้วจะสำเร็จเองครับ เริ่มง่าย ๆ ตั้งแต่ตอนนี้ ไปโหลดแอพบันทึกรายรับ-รายจ่ายไว้ในมือถือ แล้วเริ่มสำรวจเงินของตัวเองได้เลยครับ
3.“มันฉุกเฉินจริง ๆ นะ”
ตามพจนานุกรม กรณีฉุกเฉินคือเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันหรืออันตรายที่ต้องแก้ปัญหาเร่งด่วน ซึ่งหลายคนเข้าสู่วงจรการเป็นหนี้เพราะค่าใช้จ่ายฉุกเฉินตลอด แต่เพื่อน ๆ ลองคิดดี ๆ นะครับว่าค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ฉุกเฉินจริงหรือเปล่า เวลาวางแผนทางการเงิน ควรจะรู้ว่าช่วงไหนของเดือนหรือของปีมีอะไรต้องจ่ายบ้าง ค่าใช้จ่ายที่วางแผนเก็บเงินล่วงหน้าได้เนี่ย ไม่เรียกว่าฉุกเฉินนะครับ
4.“ซื้อตอนมันเซลน่ะ”
ถ้าเพื่อน ๆ ยังเป็นหนี้อยู่ ก็ควรเอาเงินที่ซื้อของเซลไปใช้หนี้ซะดีกว่านะครับ ของลดครึ่งราคาไม่ได้แปลว่าเราประหยัดได้ครึ่งนึง แต่แปลว่าเราก็ยังเสียเงินค่าของครึ่งนึงอยู่ดี ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นของที่ไม่ต้องซื้อก็ได้ ต้องจัดลำดับความสำคัญดี ๆ นะครับว่าจะใช้เงินไปทำอะไร
5.“ไม่มีความรู้ด้านการเงิน”
สมัยนี้มีข้อมูลเยอะแยะให้เพื่อน ๆ ได้ศึกษาในอินเตอร์เน็ต ข้ออ้างข้อนี้จึงฟังไม่ค่อยขึ้นเลยนะครับ จริงอยู่ว่าบางทีข้อมูลบางแหล่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่อยากให้เพื่อน ๆ ลองหาและอ่านกันดูก่อน
ดีกว่าจะอ้างว่าไม่รู้อะไรเลยนะครับ ลองหาโอกาสที่เราสามารถเริ่มทำได้ด้วยตัวเองก่อน ไม่จำเป็นต้องเป็นกูรูอะไรก็ทำได้ เพราะการบริหารเงินก็เหมือนไลฟ์สไตล์ด้านอื่น ๆ
และมันเป็นตัวกำหนดการใช้ชีวิต การกิน การอยู่ของเราด้วย การไม่เป็นหนี้ก็น่าจะทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจด้วย เพราะฉะนั้นให้เวลากับเรื่องนี้ และตั้งใจทำให้ดีกันนะครับ
6.“ทำงานหนักพอแล้ว ก็ควรจะให้รางวัลตัวเองซะหน่อย”
จริงอยู่ที่เพื่อน ๆ ควรจะตอบแทนตัวเองเวลาทำงานหนักบ้าง แต่ปัญหาที่แท้จริงคือเรารู้สึกขาดอะไรบางอย่างจนต้องจับจ่ายเพื่อเติมเต็มตัวเรา ซึ่งหลายครั้งก็ทำให้เกิดหนี้บัตรเครดิตมหาศาลที่ผ่อนไหวบ้างไม่ไหวบ้าง
บางทีอาจจะถึงเวลาทบทวนกับตัวเองว่าชีวิตเราควรจะเดินไปทางไหน การทนทำงานที่ไม่มีความสุขเพื่อหารางวัลปลอบใจทุกสิ้นเดือนหรือทุกสิ้นปี อาจจะไม่ใช่ทางที่ดีก็ได้นะครับ
7.“เงินไม่พอจะเก็บออมน่ะสิ”
ข้ออ้างนี้ค่อนข้างคลาสสิคเลยล่ะครับ กูรูด้านการเงินบอกไว้ว่า ถ้าคุณคิดว่ารายได้ไม่พอจะเก็บออม ทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น โดยไม่ต้องเป็นหนี้ก็คือ หาวิธีทำรายได้ให้เพิ่มขึ้น สมัยนี้คนเราไม่จำเป็นต้องมีอาชีพเดียวแล้วครับ
เทคโนโลยีมากมาย เพื่อน ๆ ลองหาอาชีพเสริมที่หาช่องทางทำรายได้เพิ่มให้กับตัวเองและครอบครัวนะครับ อาจจะเหนื่อยตอนเริ่มต้นหน่อย แต่ผมว่าในระยะยาวต้องคุ้มค่าแน่นอนครับ
8.“หนี้จำเป็นทั้งนั้น”
ถ้าเราคิดว่าหนี้ที่มีอยู่เป็นเรื่องจำเป็นหรือเป็นหนี้ที่ดี บางครั้งก็อาจจะทำให้เราอยู่ไปเรื่อย ๆ ไม่พยายามขวนขวายวิธีมาปลดหนี้ก็ได้นะครับ อย่างเช่น ค่าเล่าเรียน หรือค่าบ้าน ซึ่งเจ้าหนี้ก็ไม่ได้มาวุ่นวายกับเรามาก
แค่จ่าย ๆ ไปก็อยู่ได้แล้ว แต่ผมว่ายังไงหาทางหลุดพ้นจากการเป็นหนี้น่าจะดีกว่านะครับ การที่เราจ่ายเร็วก็ถือว่าประหยัดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในระยะยาว ทำให้เราประหยัดเงินได้มากขึ้นนะครับ
หวังว่าเพื่อน ๆ อ่านเรื่องนี้แล้ว จะได้ปรับมุมมองทางการเงิน และลองเอาเคล็ดลับต่าง ๆ มาปรับใช้กับไลฟ์สไตล์ของตัวเองกันนะครับ อีกหนึ่งทางเลือกของการบริหารการเงิน ก็คือการเลือกใช้บัตรเครดิตที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา
เพราะคะแนนสะสม โปรโมชั่นต่าง ๆ ก็สามารถช่วยให้เพื่อน ๆ ประหยัดเงินได้นะครับ ทั้งนี้ เพื่อน ๆ ต้องมีวินัยทางการเงิน วางแผนการใช้จ่ายและจ่ายหนี้บัตรเครดิตให้ตรงเวลาทุกเดือนด้วยนะครับ ลองศึกษาข้อมูลในเว็บไซต์โกแบร์กันก่อนเลยครับ
ที่มา : i p r i c e t h a i l a n d