Home ข้อคิดสอนใจ จะทำอย่างไรดี เมื่อชีวิตหมดไฟ ทำอะไรก็ไม่สุดซักอย่าง

จะทำอย่างไรดี เมื่อชีวิตหมดไฟ ทำอะไรก็ไม่สุดซักอย่าง

8 second read
0
0
59

1.ให้เวลาตัวเองกับสิ่งที่ชอบ

เหนื่อยนักก็พักซะหน่อย ตึงไปก็ผ่ อ นซักบ้ าง แล้วให้เวลาได้เติมพ ลั งตัวเองกับสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม หรืองานอดิเรกที่ชอบ ดูหนัง ฟังเพลง แฮงค์เอ้าท์กับเพื่อน ช็อปปิ้ง เล่นดนตรี อ่ า นหนังสือ

ทำอ า ห า ร ท่องเที่ยว ไปทะเล ปืนเขา ฯลฯ ไม่ได้หมายความว่าต้องไปท่องโลกกว้างอย่างเดียว ทิ้งทุกอย่างแล้วไปค้นหาตัวเองอย่างเดียว แต่ทำอะไรก็ได้ที่เราเอนจอย โดยปราศจากความกังวล ช่วงเวลาที่มีคุณภาพกับสิ่งที่เราชอบ จะช่วยให้เรามีแรงต่อสู้กับเรื่องหนักๆ อื่นๆ ในชีวิตต่อไป

2.ถอดปลั๊กตัวเองแล้วเลิกคอนเนคซะบ้ าง

รู้กันอยู่แล้วว่าโลกออนไลน์มีข้อดีมากกกกมาย ช่วยให้โลกเราเชื่อมต่อ เป็นคลังความรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด สื่อส า รอะไรก็รวดเร็วแค่คลิกๆ แม้เราจะใช้กันอย่างระมัดระวัง

แต่บางทีเราก็ยังเผลอโดนความเ ค รี ย ดจากการ Always on หรือ เชื่อมต่อโลกออนไลน์ ตลอดเวลาของเราทำร้ า ยตัวเองจนได้ กลับบ้ านก็นอนไม่หลับ

ขับรถก็ต้องคอยเช็คมือถือ เช็คอีเมลล์ หรือเห็นเพื่อนโพสเ ฟ ส บุ๊ คชีวิตดีๆ ก็พลอยกดดันตัวเอง จนเ ค รี ย ดสะสมรู้สึกไม่แฮปปี้กับตัวเอง บางทีเราอาจต้องถอดปลั๊ก พักการเชื่อมต่อ แล้วใช้ชีวิตให้ช้าลงซักหน่อย เพื่อให้เราเดินได้อย่างมั่นคงขึ้น

3.เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ หรือเรียนรู้อะไรใหม่

บางทีการที่เราจมอยู่กับเรื่องจำเจเดิมๆ อาจทำให้ร่ า ง ก า ยและใจเหนื่อยล้า ถ้าเราได้เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ หรือเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ก็ช่วยให้เราได้ผ่ อ นคลาย

เพราะเราเริ่มใหม่จากศูนย์ด้วยความกระหายพร้อมจะเรียนรู้ ไม่กดดันตัวเอง หรือคาดหวังต่อตัวเองมากเกินไป แล้วยังอาจทำให้เราได้เจอสิ่งที่ชอบใหม่ๆ เป็นอีกหนึ่งการค้นพบตัวเองมากขึ้นเช่นกัน

4.เพิ่มความรู้ให้ตัวเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรายิ่งนอย และหงุดหงิดไม่พอใจในสถานะของตัวเอง ก็คือ ความรู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ และไม่มั่นใจในตัวเอง เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยแก้ไขสถานะที่ไม่มั่นคงนี้ก็คือ

เพิ่มความรู้ให้ตัวเองซะสิ อาจจะอ่ า นหนังสือ อ่ า นบทความในเรื่องที่เราสนใจ หรือไปลงเรียนค อ ร์ สเพื่อศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องนั้นๆ ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

5.ทำแบบทดสอบจิตวิทย า

อาจจะแปลกใจ ว่าเห้ย การทำแบบทดสอบจิตวิทย าจะช่วยให้เราเติมไฟตัวเองได้อย่างไร แต่หลายๆ แบบทดสอบเหล่านี้ มักจะช่วยให้เราได้ “รู้จัก” และ “เข้าใจ” ตัวเองมากขึ้น รู้จุดอ่อน จุดแข็ง

อะไรไหนที่ชอบ ที่เหมาะกับเรา สภาพแวดล้อมใด งานใด คนลักษณะแบบใด สถานการณ์ไหนที่เราจะเกรงกลัว หรือสถานการณ์ไหนที่จะส่งเสริมเรา เมื่อเราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ก็จัดการกับความเหนื่อยล้าหมดไฟในใจได้ดีขึ้นเช่นกัน

6.ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน

การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน จะช่วยทำให้เราเห็นภาพ และไล่เรียงออกมาได้เป็นส่วนๆ ว่าต้องทำอะไร อย่างไร ให้เสร็จเมื่อไหร่ ตรงนี้จะช่วยลดอาการกังวล และเบื่อหน่ายลงไปได้ เพราะเราจะเห็นชัดเจนขึ้นว่ามันมีวันเสร็จสิ้น ไม่ใช่ลากย าวให้เหนื่อยแบบไร้จุดจบ รู้สึกอีกแค่นิดเดียว แล้วเราก็จะได้ไปพักแล้วนะ!

7.หาต้นแบบที่เราชื่นชม

การที่เรามีต้นแบบ หรือ Role Model ที่เรานับถือชื่นชมเป็นแบบอย่าง ช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจ อย ากจะเป็นอย ากจะเจ๋งให้ได้แบบเขา และมีพ ลั งนำตัวเองไปสู่ความสำเร็จแบบที่ตั้งใจ

อาจจะเป็นคนระดับโลกที่ชำนาญในเรื่องที่เราสนใจ หรือคนใกล้ตัวที่เราพบเจอทุกวัน เช่น หัวหน้าที่ทำงาน เพื่อนร่วมงาน พ่อแม่พี่น้อง ครอบครัวก็ได้ บุคคลต้นแบบเหล่านี้ ซึ่งเป็นคนจริงๆ จะช่วยให้เราเห็นภาพที่ชัดเจน ว่าเห้ย เขาก็คนเหมือนเรา เขาทำได้ สักวันนึง เราก็ต้องเป็นได้แบบนั้นบ้ างเช่นกัน

8.มีเช็คลิสของตัวเอง

ช่วงที่เราหมดไฟ มักจะเป็นเหมือนช่วง “ดำดิ่ง” ของชีวิต มองไปทางไหนก็มืดแปดด้าน หรือมองอีกแง่ก็คือ เราไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน จึงเกิดความเ ค รี ย ดขึ้นไปอีก วิธีการแก้ก็คือ มีเช็คลิสให้ตัวเอง

คอยสำรวจตัวเองอยู่เสมอว่า เราอยู่จุดไหนแล้ว เป้าหมายของเราคืออะไร ห่างไกลแค่ไหน ถ้าจริงๆ เราใกล้ถึงแล้ว ก็จะถือเป็นกำลังใจกับตัวเอง หรือถ้าเราเห็นว่าจะมีอะไรที่แก้ไข พัฒนาให้ดีขึ้นได้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เราทำอะไรบางอย่าง แบบมีจุดหมายไม่ไร้ทิศทาง

9.นึกถึงผลลัพธ์มากกว่าอุปสรรค

เลิกคิดแง่ลบ เลิกกังวลถึงอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่ว่าทำอะไร ปัญหาก็อาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ล้มได้ก็ลุกได้ แทนที่จะมัวคิดกังวล ก็เปลี่ยนไปนึกไปถึงรสชาติของความสำเร็จที่เราจะได้ลิ้มรสแทน สิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้น

หากเราทำสิ่งนี้ได้ เหมือนเด็กๆ ที่พ่อแม่มักจะมีทริคเล็กๆ ช่วยให้ลูกๆมีกำลังใจเวลาเรียน เช่น ถ้าสอบได้จะได้ไปเที่ยวทะเล ก็เหมือนกับชีวิตการทำงานของเรา ถ้าเราทำได้ เราจะภูมิใจกับผลงานของเราแน่นอน

10.ออกกำลังกาย

มีงานวิ จั ยหลายชิ้นที่แนะนำว่า การออกกำลังกาย สามารถช่วยบรรเทาความเ ค รี ย ดได้ รวมถึงถึงขั้นช่วยบรรเทาโ ร คซึมเศร้าได้เลยด้วย เพราะเมื่อเราออกกำลัง นอกจากเป็นการบริการกายแล้ว

ยังได้เป็นการบริหารใจด้วย เอ็นดอร์ฟินหรือส า รแห่งความสุขจะห ลั่ งออกมา ช่วยให้จิตใจจะสงบขึ้นไม่ว้าวุ่น และได้เอาพ ลั งความเ ค รี ย ดที่อั้นอยู่มาปลดปล่อยและโฟกัสกับการออกกำลังแทน สุดท้ายยังช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น มีแรงเติมไฟสู้กับวันใหม่ต่อไป

11.นอนหลับให้เพียงพออย่างมีคุณภาพ

สุดท้ายที่สำคัญที่สุด และหลายคนที่รีบประสบความสำเร็จอาจลืมให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ ก็คือ การนอน เพราะการอดนอนหรือนอนหลับไม่เพียงพอไม่ใช่แค่จะทำให้ร่ า ง ก า ยเราเสื่อมถอยเท่านั้น แต่จิตใจเราก็ได้รับผลกระทบโดยตรง ส ม อ งไม่ปลอดโปร่ง คิดได้ช้า รู้สึกอึนๆ อารมณ์หงุดหงิดง่าย ไร้เรี่ยวแรงพ ลั งใจ

สะสมไปนานเข้าก็ยิ่งทำให้หมดไฟวนไปอยู่นั่น การนอนให้เต็มอิ่มอย่างมีคุณภาพ เวลานอนคือนอน หยุดคิดเรื่องงาน ให้ส ม อ งได้พัก หยุดไถมือถือ ให้ใจได้ห่างโลกที่หมุนเร็วๆบ้ าง แล้วนอนหลับอย่างเต็มอิ่ม ตื่นมาสดใสชาร์ทพ ลั งตัวเองต่อไป

การพักเพื่อเติมไฟของเราก็มีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป ขอให้เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองลองนำไปใช้กันดู สุดท้ายแล้วอย่าเพิ่งท้อและคิดว่าไฟที่มอด คือตอนจบที่ไม่อาจจุดขึ้นมาให้ลุกโชนได้อีกแล้ว ขอให้เชื่อในตัวเอง ยึดมั่นในความฝัน แล้วพ ลั งจะสถิตอยู่กับท่าน!!

ที่มา : m a n g o z e r o

Load More Related Articles
Load More By adminjing
Load More In ข้อคิดสอนใจ

Check Also

8 วิธีทำให้คนนับถือคุณ หลักๆ อยู่ที่การวางตัว

ไม่ใช่แค่กลุ่มคนทำงาน แต่พวกเราทุกคนต่างต้องอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุ…